เอเอฟพี - เหตุโจมตีต่อเนื่องในกรุงปารีส ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 120 ราย บาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก เมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ (13 พ.ย.) ถือได้ว่าเป็นการก่อวินาศกรรมครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์เมืองน้ำหอม โดยกลุ่มคนร้ายซึ่งคาดว่าเป็นพวกอิสลามิสต์หัวรุนแรงได้วางแผนโจมตีเป้าหมายอย่างน้อย 6 จุด ตั้งแต่สนามกีฬาขนาดใหญ่ ห้องคอนเสิร์ต เรื่อยไปจนถึงร้านพิซซา ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีก
ห้องคอนเสิร์ตบาตาคล็อง (Bataclan)
ขณะเกิดเหตุมีประชาชนอย่างน้อย 1,500 คน อัดแน่นอยู่เต็มห้องคอนเสิร์ตทางตะวันออกของกรุงปารีส เพื่อชมการแสดงดนตรีของวง Eagles of Death Metal กลุ่มศิลปินร็อกจากรัฐแคลิฟอร์เนีย
นักจัดรายการวิทยุคนหนึ่งซึ่งอยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า เมื่อการแสดงดำเนินไปได้ราวๆ 1 ชั่วโมง ได้มีกลุ่มมือปืนชุดดำถือปืน AK-47 บุกเข้าไปในฮอลล์ และกราดยิงใส่ผู้ชมนับร้อยด้วยท่าทางสงบเยือกเย็นและเหี้ยมเกรียม เหมือนเตรียมการมาแล้วเป็นอย่างดี
ปิแอร์ จานาซาก นักจัดรายการวิทยุอีกคนหนึ่งยอมรับว่า แรกๆ ตนยังเข้าใจผิดคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง “แต่ไม่นานเราก็เข้าใจว่า มีคนร้ายบุกเข้ามายิงใส่ผู้ชม”
จานาซาก เผยด้วยว่า เขาได้ยินมือปืนคนหนึ่งพูดว่า “มันเป็นความผิดของ (ฟรองซัวส์) ออลลองด์ ประธานาธิบดีของพวกคุณทำผิดเอง เขาไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายเรื่องซีเรีย”
ผู้ชมคอนเสิร์ตถูกยิงเสียชีวิตไปราว 100 คน ส่วนมือปืนทั้ง 4 ก็ต้องจบชีวิตในที่เกิดเหตุหลังตำรวจคอมมานโดฝรั่งเศสบุกเข้าไปช่วยเหลือตัวประกัน โดย 3 คนแรกกดระเบิดที่ติดมากับเข็มขัดฆ่าตัวตาย ส่วนคนที่ 3 ถูกวิสามัญฆาตกรรม
สนามกีฬา สตาด เดอ ฟรองซ์
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น 3 ครั้ง ที่ด้านนอกสนามกีฬาแห่งชาติของฝรั่งเศส ระหว่างการแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตร ระหว่างฝรั่งเศสกับเยอรมนี โดยสนามสตาด เดอ ฟรองซ์ แห่งนี้เคยเป็นสถานที่จัดการแข่งขันฟุตบอลโลก เมื่อปี 1998
เหตุระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย บาดเจ็บสาหัสอีกจำนวนหนึ่ง
รายงานข่าวระบุว่า ระเบิดลูกหนึ่งเกิดขึ้นใกล้ๆ กับร้านแมคโดนัลด์ที่อยู่ติดสนามกีฬา และยังมีระเบิดฆ่าตัวตายอีกอย่างน้อย 1 จุด บนถนนฌูลส์-รีเมต์
เหตุวินาศกรรมที่เกิดขึ้นทำให้ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส ซึ่งเดินทางไปรับชมการแข่งขันฟุตบอลครั้งนี้ถูกพาออกจากสนามในทันที ทว่า การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไปจนจบ และผู้ชมกีฬาได้ทยอยเดินออกจากสนามอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ถนนชารอนน์ (Rue de Charonne)
ห่างออกไปไม่ไกลทางตะวันออกบนถนนชารอนน์ พบผู้เสียชีวิตอีก 18 ราย โดยพยานคนหนึ่งระบุว่าคนร้ายมุ่งโจมตีภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น
“มีเลือดนองเต็มไปหมด” เขากล่าว
ชายอีกคนเล่าว่าได้ยินเสียงปืนดังรัวขึ้นหลายนัด นานราวๆ 2-3 นาที
“ผมเห็นมีคนหลายคนนอนอยู่เกลื่อนถนน แต่ไม่แน่ใจว่าพวกเขาตายหรือยัง”
ถนนบิชาต์ (Rue Bichat)
ภัตตาคารอาหารเขมรบนถนนบิชาต์ ซึ่งห่างจากถนนชารอนน์ไปทางเหนือเล็กน้อย เป็นอีกจุดหนึ่งที่กลุ่มคนร้ายเลือกโจมตี
“พวกเราได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดนานประมาณ 30 วินาที มันดังต่อเนื่องไม่หยุด จนผมยังนึกว่าเป็นเสียงพลุ” ปิแอร์ มงต์ฟอร์ต ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุเผย
หญิงสาวอีกคนที่ชื่อ โฟลรองซ์ เล่าว่า เธอขี่สกูตเตอร์มาถึงที่เกิดเหตุประมาณ 1 นาทีหลังเสียงปืนเงียบลง
“มันไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นความจริงเลย ทุกคนหมอบอยู่กับพื้นหมด ไม่มีใครในร้าน เปอตี กองบอดจ์ (Petit Cambodge) เคลื่อนไหวเลยแม้แต่คนเดียว ที่บาร์ การียง ก็เหมือนกัน” เธอบอก
“ทุกอย่างดูเงียบมาก ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กๆ ดูเหมือนเธอจะเสียชีวิตแล้ว”
ถนน ฟองแตน โอ รัว (Rue de la Fontaine au Roi)
ร้านพิซซา กาซา โนสตรา ซึ่งอยู่ห่างจากห้องคอนเสิร์ตบาตาคล็องไปไม่กี่ร้อยเมตร เป็นอีกจุดหนึ่งที่ถูกโจมตี
แมทธิว วัย 35 ปี ซึ่งเห็นเหตุการณ์เล่าว่า มือปืนใช้ปืนไรเฟิลอัตโนมัติกราดยิงคนเสียชีวิตไป 5 ศพ
“รอบๆ ตัวผมมีคนตายอย่างน้อย 5 คน ที่ถนนด้านนอกก็มีอีก ผมเห็นเลือดนองไปทั่ว และรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่รอดมาได้”
ถนนวอลแตร์ (Boulevard Voltaire)
แหล่งข่าวด้านยุติธรรมคนหนึ่งระบุว่า คนร้ายได้กดระเบิดเสื้อกั๊กฆ่าตัวตายบนถนนวอลแตร์ ไม่ไกลจากห้องคอนเสิร์ตบาตาคล็อง แต่ยังไม่ทราบว่ามีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตในจุดนี้หรือไม่
