เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ระดับความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และของก๊าซที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกชนิดอื่นๆ ในบรรยากาศของโลก พุ่งสูงสร้างสถิติใหม่อีกครั้งในปี 2014 องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของสหประชาชาติ ระบุในวันนี้ (9 พ.ย.) พร้อมกับเตือนด้วยว่า ความเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่เกิดขึ้นตามมาจากสภาวการณ์เช่นนี้ กำลังผลักดันพิภพของเราให้ก้าวเข้าสู่ “อาณาเขตที่ไม่เคยมีใครรู้จักไม่เคยมีใครทำการสำรวจมาก่อน” และทำให้โลกมีอันตรายมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้คนรุ่นต่อๆ ไปในอนาคต
ในรายงานประจำปีว่าด้วยก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศซึ่งกำลังทำให้อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้นฉบับล่าสุด WMO ระบุว่า ระดับความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, ก๊าซมีเทน, และก๊าซไนตรัสออกไซด์ ได้ขึ้นสูงทำลายสถิติอีกครั้งหนึ่งในปี 2014 ที่ผ่านมา
“ความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกเหล่านั้นในชั้นบรรยากาศ เวลานี้กำลังไปถึงระดับที่โลกไม่เคยพบเห็นมาเลยภายในระยะเวลากว่า 800,000ปี หรืออาจจะกระทั่ง 1 ล้านปี” มิเชล จาร์รูด เลขาธิการของ WMO กล่าวต่อผู้สื่อข่าว พร้อมกับสำทับว่า “นี่หมายความว่าเวลานี้มนุษยชาติกำลังก้าวเข้าสู่อาณาเขตที่ไม่เคยมีใครรู้จักไม่เคยมีใครทำการสำรวจมาก่อนอย่างแท้จริง”
รายงานฉบับนี้ออกมาในขณะที่ผู้แทนของประเทศต่างๆ ไปหารือกันในกรุงปารีสวันนี้ (9) เพื่อพยายามแก้ไขคลี่คลายปัญหาต่างๆ ทางการเมืองอันหนักหน่วงลำบากทั้งหลาย ก่อนหน้าการประชุมระดับซัมมิตครั้งสำคัญ ซึ่งจะต้องพยายามจัดทำข้อตกลงกอบกู้ช่วยเหลือภูมิอากาศของโลกให้สำเร็จ
“ทุกๆ ปี เรารายงานว่าความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกได้พุ่งสูงขึ้นทำสถิติใหม่” จาร์รูด กล่าว “ทุกๆ ปี เราบอกว่าเวลากำลังเหลือน้อยลงเรื่อยๆ เราต้องลงมือทำเดี๋ยวนี้เพื่อลดทอนการปล่อยไอเสียก๊าซเรือนกระจก ถ้าเรายังต้องการโอกาสที่อาจจะประคับประคองให้การเพิ่มสูงของอุณหภูมิ ยังคงอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้”
เลขาธิการ WMO ชี้ว่า ในการประชุมซัมมิตในกรุงปารีสซึ่งจะจัดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ผู้แทนที่เข้าร่วมเจรจาทั้งหลายควรต้องพิจารณาอย่างจริงจังถึงข้อมูลอันมากมายมหาศาลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกของเรา และลงมือทำอย่างเร่งด่วน
บรรดานักวิทยาศาสตร์ต่างเตือนว่า เวลากำลังจะสายเกินไปแล้วที่จะกระทำให้ได้ตามจุดมุ่งหมายในการจำกัดไม่ให้อุณหภูมิของโลกร้อนเกิน 2 องศาเซลเซียส จากช่วงที่โลกอยู่ในยุคก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม
จาร์รูดก็ย้ำเรื่องนี้ และเตือนว่า ก๊าซเรือนกระจกจะยังคงอยู่ในบรรยากาศของโลกไป “เป็นเวลาหลายศตวรรษ” พร้อมกับย้ำว่า “กฎทางฟิสิกส์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถต่อรองได้”
จากกราฟที่องค์กรชำนัญพิเศษของยูเอ็นแห่งนี้นำออกมาเผยแพร่นั้น แสดงให้เห็นว่า ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกตัวหลัก กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างสม่ำเสมอไปสู่ระดับ 400 ส่วนในล้านส่วน (ppm) โดยสร้างสถิติสูงสุดใหม่ทุกๆ ปีนับตั้งแต่มีการบันทึกอย่างเชื่อถือได้ในปี 1984 เป็นต้นมา
ในปี 2014 นั้น ระดับของคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 397.7 พีพีเอ็ม แต่ทะลุหลัก 400 พีพีเอ็มอยู่ช่วงสั้นๆ ในซึกโลกเหนือเมื่อตอนต้นปี 2014 และก็ทะลุหลักดังกล่าวอีกในทั่วโลกเมื่อต้นปี 2015
จาร์รูดบอกว่า อีกไม่ช้าไม่นานระดับ 400 พีพีเอ็มก็จะกลายเป็นความเป็นจริงอันถาวร
“นี่หมายความถึงอุณหภูมิของโลกที่ร้อนขึ้น, เกิดเหตุอากาศสุดโต่งเพิ่มมากขึ้น อย่างเช่น คลื่นความร้อนและน้ำท่วม, น้ำแข็งละลายตัว, ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นมา, และความเป็นกรดของมหาสมุทรเพิ่มขึ้น นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นแล้วในเวลานี้ และเรากำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ อาณาเขตที่ไม่เคยมีใครรู้จักไม่เคยมีใครทำการสำรวจมาก่อนด้วยอัตราความเร็วอันน่าตื่นตระหนก”
รายงานของ WMO เตือนด้วยว่า การที่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มีความเข้มข้นเพิ่มสูงขึ้น ถือเป็นเรื่องที่น่าห่วงกังวลเป็นพิเศษ เนื่องจากก๊าซชนิดนี้จะทำให้ไอน้ำในบรรยากาศมีระดับสูงขึ้นด้วย และไอน้ำในบรรยากาศนี่เองคือก๊าซเรือนกระจกที่ทรงพลังยิ่งแม้มันจะมีอายุช่วงสั้นๆ ก็ตามที
ทั้งนี้ WMO บอกว่า หากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มีความเข้มข้นสูงขึ้นเป็น 2 เท่าตัวของระดับเมื่อก่อนหน้าการปฏิวัติอุตสาหกรรม นั่นคือจาก 280 พีพีเอ็ม ขึ้นมาเป็น 560 พีพีเอ็ม ไอน้ำในบรรยากาศและเมฆในตลอดทั่วโลก จะทำให้โลกร้อนขึ้นเป็น 3 เท่าตัวของอัตราส่วนที่เกิดจากพวกก๊าซเรือนกระจกอายุยืนทั้งหลาย