มัลดีฟส์ประกาศภาวะฉุกเฉิน ปธน.กระชับอำนาจก่อนฝ่ายค้านชุมนุมใหญ่

รอยเตอร์ - มัลดีฟส์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในวันพุธ (4 พ.ย.) ด้วยประธานาธิบดีอับดุลลา ยามีน ประสงค์กระชับอำนาจตามหลังเหตุระเบิดบนเรือเร็วที่ต้องสงสัยว่าเป็นความพยายามลอบสังหารเขา และมีขึ้นก่อนหน้าที่ฝ่ายค้านนัดชุมนุมใหญ่เรียกร้องปล่อยตัวคู่อริของเขา

กระทรวงการต่างประเทศมัลดีฟส์ อ้างเพื่อความมั่นคงของชาติ แถลงบนทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการว่าประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 30 วัน

ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลคราวนี้มีขึ้นหลังจากพบวัตถุระบิดใกล้ที่พำนักอย่างเป็นทางการของนายยามีนและมัสยิดหลักในกรุงมาเล เช่นเดียวกับอาวุธที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ซึ่งเชื่อว่าถูกขโมยมาจากคลังแสงของกองทัพ

“เพราะสิ่งเหล่านี้อาจเป็นภัยคุกคามต่อประชาชนและประเทศ สภาความมั่นคงแห่งชาติจึงแนะนำให้ใช้มาตรการต่างๆ ในทันทีเพื่อปกป้องประชาชนชาวมัลดีฟส์” อัยการสูงสุด โมฮาเมด อานิล แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ

การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งเป็นครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญที่ผ่านความเห็นชอบในปี 2008 มีขึ้น 2 วันก่อนหน้าฝ่านค้านนัดชุมนุมใหญ่

ดินแดนหมู่เกาะซึ่งเป็นที่นิยมของเหล่านักท่องเที่ยวและมีประชากรราว 400,000 คน ตกอยู่ความยุ่งเหยิงมาตั้งแต่เหตุระเบิดบนเรือเร็วที่นายยามีนโดยสารมาด้วยเมื่อวันที่ 28 กันยายน ขณะที่มันกำลังเข้าเทียบท่าที่เมืองหลวง

นายยามีนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่ภรรรยาของเขาและผู้ช่วย 2 คนได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ซึ่งรัฐบาลสรุปอย่างรวดเร็วว่าเป็นความพยายามเอาชีวิตผู้นำรายนี้

รัฐมนตรีระดับอาวุโสบอกกับรอยเตอร์ว่ารัฐบาละใช้อำนาจอย่างจำกัดเพื่อควบคุมสิทธิในการชุมนุม โดยไม่มีการประกาศเคอร์ฟิวหรือควบคุมตัวตามอำเภอใจ อย่างไรก็ตามทางทูตตะวันตกรายหนึ่งเปิดเผยว่าสมาชิกสหภาพยุโรปอาจพิจารณาออกคำแนะนำด้านการเดินทางหลังมัลดีฟส์ ประกาศเคอร์ฟิวไม่นานก่อนเข้าสู่ช่วงพีคสุดของฤดูกาลท่องเที่ยว

มัลดีฟส์ เดโมแครต ปาร์ตี พรรคฝ่ายค้านมีแผนชุมนุมในวันศุกร์(6พ.ย.) เพื่อประท้วงเรียกร้องปล่อยตัวอดีตประธานาธิบดีโมฮาเหมด นาซีด ซึ่งถูกพิพากษาเมื่อเดือนมีนาคม จำคุก 13 ปี ในฐานความผิดก่อการร้ายที่เรียกเสียงประณามจากนานาชาติ

โฆษกของนายนาซีดบอกว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแสดงให้เห็นว่านายยามีนสูญเสียแรงสนับสนุนจากพันธมิตรไปแล้วและไม่ได้รับความภักดีจากกองกำลังความมั่นคง

เอฟบีไอสหรัฐฯ ซึ่งได้รับคำร้องขอช่วยตรวจสอบเหตุระเบิดบนเรือเร็ว บอกว่าไม่พบหลักฐานพอที่จะสรุปได้ว่ามันเกิดจากวัตถุระเบิด เพิ่มข้อสงสัยเกี่ยวกับต้นตอที่แท้จริง อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีต่างประเทศของมัลดีฟส์ อ้างว่าคณะสืบสวนจากศรีลังกาและซาอุดีอาระเบียพบร่องรอยของระเบิดแรงสูง รัฐบาลจึงเชื่อว่าเหตุการณ์นี้เป็นการลอบวางระเบิด

นายยามีน ลงมืออย่างรวดเร็วเพื่อปราบปรามพวกที่ต้องสงสัยที่ไม่ภักดี ด้วยรองประธานาธิบดีอาห์เมด อาดีบ ผู้ควบคุมตัวฐานเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดและผู้ต้องสงสัยหลายคนถูกส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนจากมาเลเซียและศรีลังกากลับสู่มัลดีฟส์ แต่นายอาดีบ ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง