รอยเตอร์ - เหตุระเบิดบนเรือเร็วที่มี ประธานาธิบดีอับดุลลา ยามีน แห่งมัลดีฟส์โดยสารมาด้วย เป็นความพยายามลอบสังหาร รัฐมนตรีประจำทำเนียบเปิดเผยกับรอยเตอร์เมื่อวันอังคาร (6 ต.ค.) โดยอ้างผลตรวจสอบของคณะสืบสวนนานาชาติ
นอกจากนี้แล้วนายโมฮาเมด ฮูสเซ ชารีฟ รัฐมนตรีประจำทำเนียบประธานาธิบดีมัลดีฟส์ ยังระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ทหาร 2 นายถูกจับกุมในความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้
นายยามีน ไม่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดบนเรือเร็วของประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 28 กันยายน ขณะที่เรือกำลังเข้าเทียบท่าที่กรุงมาเล แต่ภรรยาของเขาและผู้ช่วย 2 คนได้รับบาดเจ็บ และเบื้องต้นรัฐบาลสันนิษฐานว่ามันอาจเป็นเพียงเหตุขัดข้องทางเครื่องยนต์
อย่างไรก็ตาม นายชารีฟเผยว่าสมมติฐานดังกล่าวถูกปฏิเสธโดยคณะสืบสวนจากเอฟบีไอของสหรัฐฯ ซาอุดีอาระเบีย ออสเตรเลียและศรีลังกา
“ตอนนี้พวกเขาบอกกับเราว่ามีหลักฐานเพียงพอที่เชื่อได้ว่ามันน่าจะเป็นความพยายามเอาชีวิตประธานาธิบดี” เขาให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับรอยเตอร์จากกรุงมาเล พร้อมเผยต่อว่า “เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมบุคคล 2 ราย ในสายบังคับบัญชาที่สามารถเข้าถึงเรือลำดังกล่าว”
นายชารีฟบอกต่อว่า คณะสืบสวนท้องถิ่นกำลังเดินหน้าสืบสวนกองกำลังรักษาความมั่นคงแห่งชาติมัลดีฟส์ต่อเหตุระเบิด และบอกว่าได้มีการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยแก่ประธานาธิบดียามีนแล้ว
นายยามีน วัย 59 ปี ก้าวขึ้นสู่อำนาจตามหลังศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ชิงชัยกันอย่างเผ็ดร้อนในปี 2013
อดีตประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด นาชีด ผู้ท้าชิงที่พ่ายแพ้แก่เขา ถูกตัดสินจำคุกเมื่อต้นปีที่ผ่านมา จากข้อกล่าวหาก่อการร้ายในกระบวนการพิจารณาคดีอันรวบรัดที่เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ และทีมทนายความสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศกำลังเดินหน้ากดดันให้นานาชาติออกคำสั่งห้ามเดินทางและกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของมัลดีฟส์เป็นการตอบโต้
ความพยายามกำจัดผู้ที่เห็นต่างทางการเมืองของรัฐบาลมาเลส่งผลให้ภาพลักษณ์เกาะสวรรค์ของมัลดีฟส์มัวหมองไปไม่น้อย และยังมีรายงานว่าวัยรุ่นมัลดีฟส์หัวรุนแรงจำนวนมากเดินทางไปร่วมสู้รบกับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในตะวันออกกลาง