เอเอฟพี/รอยเตอร์ - รัฐบาลมัลดีฟส์ในวันอังคาร (10 พ.ย.) ยอมแพ้ต่อแรงกดดันของนานาชาติ ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่กำหนดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตามหลังเหตุระเบิดบนเรือเร็วของประธานาธิบดี และกรณีเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวบุคคลหลายคนและยึดอาวุธผิดกฎหมายจำนวนมาก
ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน 30 วัน เพิ่งประกาศโดยประธานาธิบดีอับดุลลา ยามีน เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังเจ้าหน้าที่พบวัตถุระเบิดใกล้ๆ บ้านพักของผู้นำรายนี้ในเมืองหลวง เช่นเดียวกับอาวุธที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ซึ่งเชื่อว่าถูกขโมยมาจากคลังแสงของกองทัพ โดยการค้นพบดังกล่าวเกิดขึ้นตามหลังระเบิดบนเรือเร็วของนายยามีนในเดือนกันยายน ที่รัฐบาลเชื่อว่าเป็นความพยายามลอบสังหารเขา
“มัลดีฟส์ยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินและมีผลบังคับใช้ในทันที” กระทรวงกิจการต่างประเทศระบุในทวิตเตอร์ “สิทธิขั้นพื้นฐานทั้งหมดถูกส่งคืนแล้วในมัลดีฟส์”
การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเรียกเสียงประณามอย่างกว้างขวางจากสหรัฐฯและสหภาพยุโรป ขณะที่รัฐบาลมัลดีฟส์บอกว่าการตัดสินใจยกเลิกประกาศนี้ทั้งที่เพิ่งผ่านไปเพียง 1 สัปดาห์ มีขึ้นหลังจากกองกำลังด้านความมั่นคงให้คำปรึกษาแก่ประธานาธิบดียามันว่าสถานการณ์ความมั่นคงโดยรวมในประเทศดีขึ้นแล้ว
“กองกำลังด้านความมั่นคงจับกุมผู้ต้องสงสัยที่ครอบครองอาวุธผิดกฎหมายหลายราย และสถานการณ์ความมั่นคงโดยรวมของประเทศดีขึ้นแล้ว” กระทรวงกิจการต่างประเทศระบุในทวิตเตอร์
ระหว่างการประกาศภาวะฉุกเฉิน รัฐบาลของนายยามีนได้ถอดถอนรองประธานาธิบดีอาห์เมด อาดีบ ออกจากตำแหน่ง หลังเขาถูกจับกุมตัวฐานต้องสงสัยวางแผนลอบสังหารผู้นำในเหตุระเบิดบนเรือเร็วเมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่นายยามีน ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่ภรรยาและผู้ช่วยของเขา 2 คนได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินถือเป็นความยุ่งเหยิงทางการเมืองล่าสุดที่เล่นงานหมู่เกาะแห่งนี้ หลังจากอดีตประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด นาซีด คู่อริของนายยามีน ถูกพิพากษาเมื่อเดือนมีนาคม จำคุก 13 ปี ในฐานความผิดก่อการร้ายที่เรียกเสียงประณามจากนานาชาติและกลุ่มสิทธิมนุษยชน ที่บอกว่ามันมีแรงจูงใจทางการเมือง