xs
xsm
sm
md
lg

อัลกออิดะห์ยุมุสลิมโจมตีแบบ “หมาป่าโดดเดี่ยว” ในโลกตะวันตก-ชี้สหรัฐฯ คือเป้าหมายเบอร์ 1

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อัยมาน อัล-ซอวาฮีรี ผู้นำสูงสุดของเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์
เอเจนซีส์ - อัยมาน อัล-ซอวาฮีรี ผู้นำสูงสุดเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ ออกมาเรียกร้องให้ชาวมุสลิมก่อเหตุโจมตีแบบหมาป่าโดดเดี่ยว (lone wolf) ในประเทศตะวันตก โดยมีสหรัฐฯ เป็นเป้าหมายอันดับ 1 ทั้งยังสดุดีชาวปาเลสไตน์ที่หันมาจับอาวุธทำร้ายชาวยิวในอิสราเอล

ซอวาฮีรี ได้ประกาศเชิญชวนผ่านคลิปวิดีโอซึ่งเผยแพร่ทางทวิตเตอร์ และได้รับการแปลโดยศูนย์ SITE ในสหรัฐฯ ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มหัวรุนแรง

SITE ระบุว่า ครั้งนี้อัลกออิดะห์เลือกใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างทวิตเตอร์เป็นช่องทางแพร่คลิปวีดีโอ แตกต่างจากในอดีตที่มักจะนำไปโพสต์บนเว็บไซต์ของพวกอิสลามิสต์หัวรุนแรง

“สิ่งสำคัญประการแรกคือการโจมตีโลกตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ในบ้านของพวกมันเอง จงทำลายผลประโยชน์ของพวกมันที่แผ่ขยายไปทุกหนทุกแห่ง” SITE อ้างคำพูดของผู้นำอัลกออิดะห์

“พวกที่หนุนหลังอิสราเอลจะต้องชดใช้ด้วยเลือดและเศรษฐกิจของพวกมัน”

ซอวาฮีรี เอ่ยถึงโศกนาฏกรรม บอสตัน มาราธอน เมื่อปี 2013 ซึ่ง ทาเมอร์ลัน และ โซการ์ ซาร์เนฟ สองพี่น้องเชื้อสายมุสลิมเชชเนีย ได้นำระเบิดหม้อความดันยัดใส่เป้ไปวางไว้ใกล้เส้นชัย จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บถึง 264 คน ว่าเป็นตัวอย่างการโจมตีแบบหมาป่าโดดเดี่ยวที่อัลกออิดะห์ต้องการให้เกิดขึ้นอีก

ผู้นำอัลกออิดะห์ยังกล่าวชื่นชมชาวปาเลสไตน์ที่ลุกขึ้นมาทำร้ายชาวยิวในนครเยรูซาเลม รวมถึงพื้นที่อื่นๆ ในอิสราเอลและเขตเวสต์แบงก์

ซอวาฮีรี ย้ำข้อเรียกร้องเมื่อเดือนกันยายนที่ขอให้นักรบญิฮาดตั้งแต่ในตุรกีจนถึงแอฟริกาเหนือผนึกกำลังกันเป็นหนึ่งเดียว แต่ยังไม่ยอมรับความชอบธรรมของรัฐคอลีฟะห์ที่ก่อตั้งโดยกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรักและซีเรีย

ไอเอสซึ่งเวลานี้สามารถควบคุมพื้นที่กว้างขวางทั้งในอิรักและซีเรียก็ได้ออกมาเรียกร้องชาวมุสลิมทั้งหลายให้ทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ต่อสู้เล่นงานทั้งรัสเซียและสหรัฐฯ เพื่อเป็นการตอบโต้ที่มอสโกและวอชิงตันเข้าถล่มโจมตีทางอากาศใส่นักรบไอเอสในซีเรีย

ทั้งนี้ หากอัลกออิดะห์ และไอเอส มีความร่วมมือใดๆ ขึ้นมา ย่อมเพิ่มความยุ่งยากซับซ้อนให้แก่ความพยายามในการสร้างเสถียรภาพในตะวันออกกลาง หลังจากที่ภูมิภาคนี้ถูกกลุ่มหัวรุนแรงต่างๆ แผ่อิทธิพลบารมี รวมทั้งเปิดการโจมตีมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่เกิดกระแส “อาหรับสปริง” ในปี 2011 ซึ่งมีการโค่นล้มพวกผู้นำเผด็จการรวบอำนาจของหลายชาติในตะวันออกกลางที่เคยมีบทบาทในการควบคุมพวกหัวรุนแรงเหล่านี้


กำลังโหลดความคิดเห็น