รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ แอช คาร์เตอร์ กล่าวในวันนี้ (1 พ.ย.) ที่ฐานทัพอากาศโอซานของเกาหลีใต้ว่า กรณีพิพาทช่วงชิงดินแดนต่างๆ ในทะเลจีนใต้กำลังทำให้ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคแถบนี้มีความต้องการเพิ่มขึ้นที่จะให้อเมริกาปรากฏตัวและแสดงบทบาททางด้านความมั่นคงมากยิ่งขึ้น
เขากล่าวเช่นนี้หลังจากเมื่อวันอังคาร (27 ต.ค.) ที่ผ่านมา สหรัฐฯได้ส่งเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีลำหนึ่ง แล่นเข้าไปภายในน่านน้ำ 12 ไมล์ทะเลของเกาะเทียมเกาะหนึ่งในบริเวณหมู่เกาะสแปรตลีย์ ซึ่งจีนเพิ่งสร้างขึ้นมา อันถือเป็นการ “ท้าทาย” และ “ลองของ” ครั้งสำคัญที่สุดของวอชิงตัน ต่อการที่ปักกิ่งกล่าวอ้างอำนาจอธิปไตยเหนือหมู่เกาะแห่งนี้ตลอดจนอาณาบริเวณอื่นๆ แทบทั้งหมดของทะเลจีนใต้
ความเคลื่อนไหวคราวนี้จุดชนวนให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้อย่างโกรธเกรี้ยวจากแดนมังกร โดยที่กระทรวงการต่างประเทศในปักกิ่งได้ยื่นประท้วงต่อเอกอัครราชทูตอเมริกัน ส่วนนายทหารเรืออาวุโสสูงสุดของจีนได้กล่าวเตือนว่า เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ในทะเลจีนใต้อาจจุดประกายให้เกิดสงครามขึ้นมาได้ หากสหรัฐฯ ยังไม่หยุดกระทำ “พฤติการณ์ที่เป็นการยั่วยุ”
“ความใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องที่ฝ่ายต่างๆ กล่าวอ้างสิทธิเหนือดินแดนในทะเลจีนใต้จนกระทั่งกลายเป็นกรณีพิพาทกัน ตลอดจนความสำคัญอย่างยิ่งของกรณีพิพาทเหล่านี้ กำลังส่งผลทำให้หลายๆ ประเทศในภูมิภาคต้องการที่จะเพิ่มกระชับความร่วมมือทางด้านความมั่นคงที่พวกเขามีอยู่กับสหรัฐฯ” คาร์เตอร์บอกกับผู้สื่อข่าวระหว่างการเดินทางไปเยือนเกาหลีใต้คราวนี้
นายใหญ่เพนตากอนพูดด้วยว่า ในการประชุมระดับรัฐมนตรีกลาโหมที่กำลังจะมีขึ้นในมาเลเซียอีกวันสองวันข้างหน้า เรื่องหนึ่งที่จะมีการนำมาหารือกันด้วย ได้แก่เรื่องพัฒนาการต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นในทะเลจีนใต้ โดยที่ในความเห็นของเขาแล้ว “เรื่องที่น่าจับตามากที่สุดซึ่งเกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา ย่อมได้แก่อัตราการก่อสร้างถมทะเลและการดำเนินกิจกรรมทางทหารในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนของประเทศจีน”
ทั้งนี้ คาร์เตอร์มีกำหนดเดินทางเข้ากรุงโซลในเย็นวันนี้ (1) และเปิดการหารือกับรัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ในวันจันทร์ (2) โดยประเด็นสำคัญได้แก่เรื่องการตอบโต้ของสหรัฐกับเกาหลีใต้ซึ่งเป็นพันธมิตรกัน ต่อการที่เกาหลีเหนือทำท่าเร่งขยายโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
หลังจากนั้นเขาจะบินต่อไปยังมาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีกลาโหมของสมาคมอาเซียน ซึ่งรัฐมนตรีกลาโหม ฉาง วั่นฉวน ของจีนก็มีกำหนดการจะเข้าร่วมเช่นกัน การประชุมนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมซัมมิตของสมาคมอาเซียน
สำหรับปฏิกิริยาของฝ่ายทหารจีนตามที่กล่าวไว้ข้างต้นนั้น บังเกิดขึ้นในการประชุมหารือผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ระหว่าง พล.ร.อ.อู๋ เซิ่งลี่ ผู้บัญชาการทหารเรือแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน กับ พล.ร.อ.จอห์น ริชาร์ดสัน ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการของสหรัฐฯ
การประชุมหารือคราวนั้นมีขึ้นในวันพฤหัสบดี (29) แต่กองทัพเรือของจีนจัดทำเป็นคำแถลงนำออกเผยแพร่ในวันศุกร์ (30) โดยระบุว่า อู๋ ได้บอกกับ ริชาร์ดสัน ว่า “ถ้าสหรัฐฯ ยังคงแสดงพฤติการณ์ที่เป็นการยั่วยุอย่างเป็นอันตรายชนิดนี้ต่อไปแล้วก็อาจจะเกิดสถานการณ์บีบบังคับอย่างร้ายแรงขึ้นมาในระหว่างกองกำลังตรงแนวหน้าของสองฝ่ายทั้งในทะเลและบนอากาศ หรือกระทั่งว่าเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ เหตุการณ์หนึ่งอาจกลายเป็นชนวนให้เกิดสงครามขึ้นมาได้”
“(ผม) หวังให้ฝ่ายสหรัฐฯทะนุถนอมสถานการณ์อันดีระหว่างกองทัพเรือจีนกับกองทัพเรือสหรัฐฯที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งไม่ใช่เป็นสิ่งที่ได้มาง่ายๆ และหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ชนิดนี้ขึ้นมาอีก” อู๋ บอก
ทางฝ่ายสหรัฐฯ นั้น โฆษกกองทัพเรือสหรัฐฯ ผู้หนึ่งกล่าวย้ำจุดยืนของวอชิงตันที่ว่า สหรัฐฯกำลังปฏิบัติการเพื่อแสดงออกซึ่งเสรีภาพในการเดินเรือ อันหมายถึง “การพิทักษ์ป้องกัน สิทธิ, เสรีภาพ และการใช้ทะเลและน่านฟ้าอย่างถูกกฎหมาย ตามที่กฎหมายระหว่างประเทศค้ำประกันให้แก่ทุกๆ ประเทศ”
นอกจากนั้น สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งซึ่งได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า นายทหารอาวุโสสูงสุดในกองทัพเรือแต่ละประเทศคู่นี้ ได้เห็นพ้องกันที่จะคงการพูดจาหารือกันเอาไว้ รวมทั้งทำตามกฏกติกาที่ได้ตกลงกันเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะกัน
กำหนดการที่เรือของสหรัฐฯ และเรือของจีนเดินทางไปเยือนท่าเรือของอีกฝ่ายหนึ่ง ตลอดจนกำหนดการที่นายทหารเรืออาวุโสของสหรัฐฯ เดินทางเยือนประเทศจีนตามที่มีการวางแผนเอาไว้ ก็จะยังคงเป็นไปตามเดิม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ผู้นี้บอก
“กำหนดการเหล่านี้ไม่มีอันไหนที่ตกอยู่ในอันตราย ไม่มีอันใดที่ถูกยกเลิก” เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าว
นายทหารอาวุโสทั้งสองยังเห็นพ้องต้องกันในเรื่องความจำเป็นที่จะต้องยึดมั่นกระทำตามกฎกติกาซึ่งตกลงกันไว้ภายใต้ “แนวทางปฏิบัติสำหรับการเผชิญหน้าแบบไม่ได้วางแผนล่วงหน้าขึ้นในทะเล (Code for Unplanned Encounters at Sea ใช้อักษรย่อว่า CUES)