เอเอฟพี - ผู้สูงวัยชาวเกาหลีใต้หลายร้อยคนขึ้นรถบัสข้ามชายแดนไปยังเกาหลีเหนือวันนี้ (20 ต.ค.) เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม “รวมญาติ” ซึ่งกรุงโซลและเปียงยางร่วมกันจัดขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้บรรดาคุณตาคุณยายได้มีโอกาสพบหน้าสมาชิกในครอบครัวที่พลัดพรากจากกันมานานกว่า 60 ปี
ขบวนรถบัสซึ่งนำโดยรถยนต์สีดำ 4 คันติดธงสภากาชาด นำผู้สูงอายุที่ผ่านการคัดเลือกเดินทางจากรีสอร์ตในเมืองท่าซ็อกโช (Sokcho) มุ่งตรงไปยังชายแดนตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่งเมื่อข้ามเส้นพรมแดนที่กั้นสองเกาหลีมาตั้งแต่ยุคสงครามปี 1950-53 ขบวนรถบัสก็จะมุ่งหน้าต่อไปยังภูเขาคุมกัง สถานที่จัดกิจกรรมรวมญาติเป็นเวลา 3 วัน
งานรวมญาติคราวนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นในรอบ 5 ปี โดยเป็นผลสัมฤทธิ์จากการเจรจาระหว่างเกาหลีเหนือและใต้เมื่อเดือนสิงหาคม เพื่อผ่อนคลายสถานการณ์ตึงเครียดซึ่งเกือบจะทำให้กองทัพทั้งสองประเทศเผชิญหน้ากันด้วยอาวุธ
สงครามเกาหลีซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปี 1950-53 ส่งผลให้ประชาชนพลัดถิ่นที่อยู่หลายล้านคน พี่น้อง พ่อแม่ลูกรวมถึงสามีภรรยาหลายคู่ต้องพลัดพรากจากกัน
ปัจจุบันยังมีผู้สูงอายุในเกาหลีใต้กว่า 65,000 คนที่ลงชื่อรอเข้าร่วมกิจกรรมรวมญาติ ดังนั้น ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้เดินทางไปยังรีสอร์ตบนภูเขาคุมกังในวันนี้ (20) จึงนับเป็นคนกลุ่มน้อยที่มีโชคดีอย่างยิ่ง
“ผมนอนไม่หลับทั้งคืนเลย” ลี จู-กุก วัย 82 ปี ให้สัมภาษณ์ พร้อมโชว์ป้ายชื่อของตนและพี่ชายที่กำลังจะได้พบหน้ากัน
“ครอบครัวเราคิดมาตลอดว่าเขาคงตายไปแล้ว เรายังทำบุญให้เขาทุกปี แต่แล้วผมก็ได้ข่าวว่าเขายังมีชีวิตอยู่และอยากเจอพวกเรา มันเหมือนกับเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น”
โครงการรวมญาติถือกำเนิดขึ้นหลังจากการประชุมซัมมิตครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างอดีตประธานาธิบดี คิม แดจุง แห่งเกาหลีใต้ และอดีตผู้นำ คิม จองอิล แห่งเกาหลีเหนือ เมื่อปี 2000 ทว่าแต่ละครั้งจะมีผู้สูงวัยที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรมแค่ไม่กี่ร้อยคน ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ยื่นคำร้องนับหมื่นๆ และด้วยเหตุนี้ ผู้สูงอายุส่วนใหญ่จึงล้มหายตายจากไปเสียก่อนโดยที่ยังไม่มีโอกาสพบหน้าญาติของตนในเกาหลีเหนือ
รถพยาบาล 2 คันที่ขับตามขบวนรถบัสเข้าไปในฝั่งเกาหลีเหนือวันนี้ (20) ถือเป็นประจักษ์พยานอย่างดีถึงสังขารที่ร่วงโรย และสุขภาพที่เปราะบางของบรรดาผู้สูงอายุ
ตลอด 3 วันข้างหน้า ผู้สูงวัยเหล่านี้จะมีโอกาสพบญาติในเกาหลีเหนือรวมทั้งสิ้น 6 ครั้ง โดยมีทั้งกิจกรรมหมู่และการพบปะอย่างเป็นส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม การพบปะแต่ละครั้งจะมีเวลาให้เพียง 2 ชั่วโมง ซึ่งหมายความว่าผู้สูงวัยที่ต้องทนทุกข์เพราะการพลัดพรากจากญาติมานานถึง 60 ปี จะมีเวลาได้พูดคุยไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันโดยรวมๆ แค่ 12 ชั่วโมงเท่านั้น
สงครามเกาหลียุติลงได้ด้วยข้อตกลงหยุดยิง แต่ยังไม่มีการทำสนธิสัญญาสันติภาพ ดังนั้น ในทางเทคนิคเกาหลีเหนือและใต้จึงยังอยู่ในฐานะ “คู่สงคราม” และการสื่อสารข้ามแดนระหว่างพลเรือนไม่ว่าจะเป็นจดหมายหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ถูกห้ามอย่างเด็ดขาด