เอเจนซีส์ – ภริยาหม้ายของอดีตประธานาธิบดี คิม แด-จุง แห่งเกาหลีใต้ เดินทางกลับถึงกรุงโซลแล้วในวันนี้ (8 ส.ค.) หลังเสร็จสิ้นภารกิจเยือนเกาหลีเหนือเป็นเวลา 4 วัน โดยไม่มีโอกาสได้เข้าพบผู้นำ คิม จอง อึน
นาง ลี ฮี-โฮ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า เธอไปเปียงยางครั้งนี้ไม่ใช่ในฐานะผู้แทนรัฐบาลเกาหลีใต้ ส่วนคณะผู้ติดตามของเธอก็ยืนยันว่า ผู้นำ คิม ไม่ได้ติดต่อมาเลยระหว่างที่นาง ลี พำนักอยู่ในแผ่นดินโสมแดง
ตารางการเดินทางของนาง ลี ที่สื่อมวลชนได้รับ ประกอบด้วยการไปเยี่ยมชมคลินิกผดุงครรภ์ สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า และโรงพยาบาลเด็กแห่งหนึ่ง แต่ไม่มีกำหนดเข้าพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือ
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่า คิม จอง อึน อาจเปิดโอกาสให้ ลี เข้าพบ หรือไม่ก็ฝากสารอะไรบางอย่างผ่านเธอมาถึงรัฐบาลเกาหลีใต้
อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งเกาหลีใต้ยอมรับว่า การได้ไปเห็นชีวิตของเด็กๆ ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นประสบการณ์ที่เศร้าสะเทือนใจ และยิ่งตอกย้ำความเชื่อของเธอเองที่ว่า สองเกาหลี “ต้องไม่ส่งต่อความเจ็บปวดจากการแบ่งแยกประเทศไปยังอนุชนรุ่นหลัง”
อดีตประธานาธิบดี คิม แด จุง สามีของลี คือผู้ริเริ่มนโยบาย “ซันไชน์” ที่มุ่งส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างเกาหลีเหนือและใต้ จนนำมาสู่การจัดประชุมซัมมิตครั้งแรกระหว่างเขาและอดีตผู้นำ คิม จองอิล ของรัฐโสมแดง เมื่อปี 2000
อย่างไรก็ตาม เมื่อพรรคอนุรักษ์นิยมก้าวขึ้นมาเป็นรัฐบาลเกาหลีใต้ในปี 2008 นโยบายที่ คิม แด จุง วางรากฐานไว้ก็ถูกละทิ้ง และความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือก็มีแต่เสื่อมทรามลงเรื่อยๆ ตั้งแต่นั้นมา
ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศยิ่งตึงเครียดหนัก หลังจากที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้เข้าไปเปิดสำนักงานในกรุงโซลเพื่อคอยตรวจสอบสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือ รวมถึงการที่เปียงยางไม่ยอมปล่อยตัวพลเมืองโสมขาวหลายคนที่ถูกจับกุม
รัฐบาลโสมแดงต้องการดึงชาวเกาหลีใต้ให้เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในเกาหลีเหนือมากๆ และยังสนับสนุนการทำธุรกิจหรือการลงทุนข้ามแดนกับเกาหลีใต้ซึ่งมีเศรษฐกิจมั่งคั่งกว่า
นาง ลี เคยไปเยือนเกาหลีเหนือมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2011 ซึ่งเป็นการไปเคารพศพอดีตผู้นำคิม จอง อิล ที่ถึงแก่อสัญกรรมลงอย่างกะทันหัน เวลานั้นเธอได้มีโอกาสพบ คิม จอง อึน ชั่วเวลาสั้นๆ ตอนที่เขาออกมาต้อนรับแขกที่มาร่วมไว้อาลัย
