อินโดฯ ร้องขอ “สิงคโปร์ รัสเซีย มาเลย์ ญี่ปุ่น” ช่วยดับไฟต้นตอหมอกควัน

รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เผยในวันนี้ (8) ว่า เขาได้ร้องขอให้สิงคโปร์ รัสเซีย มาเลเซีย และญี่ปุ่น ช่วยดับไฟที่ส่งควันพิษลอยไปทั่วภูมิภาคนี้นานหลายสัปดาห์

อินโดนีเซียเคยปฏิเสธรับข้อเสนอช่วยจัดการกับหมอกควันดังกล่าวจากต่างชาติหลายต่อหลายครั้ง สาเหตุหลักของวิกฤตนี้ คือ การที่หลายบริษัทใช้ไฟเคลียร์พื้นที่สำหรับการเพาะปลูกปาล์มน้ำมัน และไม้ทำเยื่อกระดาษบนเกาะสุมาตราและพื้นที่ส่วนหนึ่งของเกาะบอร์เนียว

“เราได้ร้องขอและได้รับความช่วยเหลือจากสิงคโปร์” วิโดโด กล่าวในถ้อยแถลงที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของเลขาธิการคณะรัฐมนตรี พร้อมเสริมว่า เขายังต้องการความช่วยเหลือจากรัสเซีย มาเลเซีย และญี่ปุ่นด้วย

“เราหวังว่าสิ่งนี้จะทำให้กระบวนการนี้รวดเร็วขึ้น เพราะว่าไฟในพื้นที่ดินพรุมีความแตกต่างจากไฟป่าทั่วไป” เขากล่าว

เขาไม่ได้บอกว่าสิงค์โปร์ให้ความช่วยเหลืออะไร แต่กล่าวว่าเขากำลังต้องการเครื่องบินอย่างน้อย 3 ลำจากสิงคโปร์ และรัสเซีย

“สิ่งที่เราต้องการในตอนนี้คือเครื่องบินที่บรรทุกน้ำได้ประมาณ 12 - 15 ตัน ไม่ใช่แค่ 2 - 3 ตันอย่างที่เรามีในตอนนี้” เขากล่าว

ไฟถูกจุดเพื่อกำจัดพืชพรรณ แต่มักคุกรุ่นเป็นเวลาหลายสัปดาห์อยู่อยู่ข้างใต้พื้นที่ดินพรุ ควันไฟดังกล่าวทำให้ภาวะมลพิษตลอดหลายพื้นที่ของอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และภาคใต้ของไทยขึ้นสู่ระดับอันตราย ทั้งยังทำให้เที่ยวบินต้องถูกยกเลิกและหลายโรงเรียนต้องปิดการเรียนการสอนเป็นช่วง ๆ

ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวหลายรายกำลังกลัดกลุ้มและหน่วยงานสาธารณสุขทั่วภูมิภาคนี้ออกคำเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายตอนหมอกควันหนาทึบ

อินโดนีเซียมักปฏิเสธคำติเตียนแต่ให้สัญญาว่าจะดำเนินการเพื่อหยุดการเผาเคลียร์พื้นที่เช่นนี้ ทว่าปีแล้วปีเล่าปัญหาดังกล่าวก็ยังคงปรากฏซ้ำในฤดูแล้ง

ปัญหาดังกล่าวเลวร้ายยิ่งขึ้นในปีนี้จากปรากฏการณ์ทางสภาพอากาศเอลนีโญ ซึ่งทำให้เกิดสภาวะแห้งแล้งเป็นพิเศษ

วิโดโดไม่ได้อธิบายว่าทำไมอินโดนีเซียถึงได้ตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากต่างชาติเอาตอนนี้ แดนอิเหนาเคยเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากการปฏิเสธข้อเสนอจากสิงคโปร์

เร็ทโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอินโดนีเซียคาดว่าจะพบปะกับรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแดนเสือเหลืองในวันศุกร์ (9) เพื่อหารือเรื่องความร่วมมือเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วสำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติของอินโดนีเซีย ระบุว่า พวกเขาหวังว่าฝนจะช่วยดับไฟในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งปกติจะเป็นช่วงที่ฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะเริ่มต้นขึ้น