เอเจนซีส์ - อินโดนีเซียกลับลำ หันมายอมรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ในการต่อสู้ไฟจากการเผาป่าบนเกาะสุมาตรา และเกาะอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดวิกฤตหมอกควันและมลพิษปกคลุมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มานานหลายสัปดาห์ จนชาติเพื่อนบ้านทั้งหลายต่างพากันไม่พอใจแดนอิเหนา ทั้งนี้ สิงคโปร์ และรัสเซีย ตอบสนองโดยตกลงให้การช่วยเหลือแล้ว ขณะที่จาการ์ตายังจะทาบทามขอความช่วยเหลือประเทศอื่น ๆ เพิ่มขึ้นอีก
ประธานาธิบดี โจโค วิโดโด แถลงในวันพฤหัสบดี (8) ขณะออกเดินทางไปยังเขตตะวันตกของเกาะสุมาตรา โดยแสดงความหวังว่า ความช่วยเหลือจากนานาชาติจะทำให้อินโดนีเซียสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างเร่งด่วน เนื่องจากไฟที่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าพรุ ดับยากกว่าไฟป่าทั่วไป
ทั้งนี้ ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการลักลอบเผาป่าเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการปลูกสวนปาล์มน้ำมัน ตลอดจนการปลูกสวนไม้สำหรับทำเยื่อกระดาษ ทั้งบนเกาะสุมาตรา และในพื้นที่ของแดนอิเหนาบนเกาะบอร์เนียว ส่งผลให้เกิดหมอกควันพิษปกคลุมอาณาบริเวณบางส่วนของอินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย บางส่วนทางภาคใต้ของไทย กระทั่งไปถึงเมืองโฮจิมินห์ ของเวียดนาม ปริมาณมลพิษทางอากาศในหลายจุดหลาย ๆ ช่วงเวลาสูงถึงระดับอันตราย สถานศึกษาต้องปิดทำการ และต้องระงับกิจกรรมกลางแจ้งจำนวนมาก รวมถึงระงับเที่ยวบินในวันที่ทัศนวิสัยเลวร้ายหนัก
เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีระหว่างหน้าแล้ง ทว่า สำหรับปีนี้ พวกนักวิทยาศาสตร์เตือนว่า จะรุนแรงกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากปรากฏการณ์เอล นีโน ส่งผลให้สภาพอากาศในอินโดนีเซียแห้งแล้งและปะทุติดไฟง่าย
ถึงแม้จาการ์ตาระดมเจ้าหน้าที่ 25,000 คน และเครื่องมืออย่างเช่นเครื่องบิน เข้าผจญเพลิง แต่ก็ไม่มีเค้าว่าจะสามารถรับมือไฟป่าที่ลุกลามรุนแรงได้
สถานการณ์นี้ทำให้เกิดการปีนเกลียวระหว่างอินโดนีเซีย กับเพื่อนบ้าน ล่าสุด เมื่อวันพุธ (7) เครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่สุดของสิงคโปร์ ประกาศยกเลิกการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์กระดาษที่ผลิตโดยเอเชีย พัลป์ แอนด์ เปเปอร์ (เอพีพี) ของอินโดนีเซีย โดยกล่าวหาว่า บริษัทนี้มีส่วนรับผิดชอบในปัญหาไฟป่าที่เกิดขึ้น
นอกจากนั้น สำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติของสิงคโปร์ ยังเรียกร้องเอพีพีให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทในเครือที่ดำเนินการในสิงคโปร์ และอินโดนีเซีย
ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการอิเหนายืนกรานปฏิเสธความช่วยเหลือจากต่างชาติ มิหนำซ้ำ รองประธานาธิบดี ยูซูฟ คัลลา ยังตอกกลับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งไม่พอใจในปัญหานี้ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ว่า ประเทศเหล่านั้นควรสำนึกบุญคุณของอินโดนีเซียสำหรับคุณภาพอากาศที่ดีตลอดช่วงเวลาส่วนใหญ่ของปี
ทว่า เมื่อวันพฤหัสบดี อาร์มานาทา นาซีร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย แถลงว่า ความท้าทายจากไฟป่าที่ยังไม่มีท่าท่าว่าจะดับลงง่าย ๆ ทำให้อินโดนีเซียตระหนักถึงความสำคัญในการร่วมมือกับประเทศที่มีทรัพยากรในการช่วยดับไฟ พร้อมระบุว่า อินโดนีเซียต้องการเครื่องบินทิ้งน้ำดับไฟขนาดใหญ่ ที่สามารถบรรทุกน้ำได้ 12 - 15 ตัน เพื่อใช้แทนเครื่องบินอินโดนีเซียที่บรรทุกได้เพียง 2 - 3 ตัน โดยจ้าหน้าที่ได้ติดต่อไปยังรัสเซีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย จีน และมาเลเซีย แล้ว พร้อมย้ำว่า ไม่ได้ขอความช่วยเหลือฟรี ๆ แต่พร้อมจ่ายเงินให้กับบางประเทศ
ขณะเดียวกัน สำนักงานเหตุฉุกเฉินของอินโดนีเซีย เผยว่า เครื่องบินขนาดใหญ่ของรัสเซียลำหนึ่งจะบินไปถึงอินโดนีเซียเพื่อช่วยดับไฟในเร็ว ๆ นี้
นอกจากนั้น ยังมีการคาดหมายกันว่า เรตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย จะหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียเกี่ยวกับความร่วมมือแก้ไขปัญหานี้ในวันศุกร์ (9)
ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ วิเวียน บาลากฤษนัน โพสต์บนเฟซบุ๊กเมื่อคืนวันพุธ (7) ว่า ได้รับแจ้งจากมาร์ซูดี ว่า จาการ์ตายอมรับข้อเสนอให้ความช่วยเหลือของสิงคโปร์แล้ว
ทั้งนี้ สิงคโปร์เสนอทั้งเครื่องบินเพื่อช่วยทำฝนเทียมและขนน้ำไปทิ้งในบริเวณที่มีไฟไหม้ป่า รวมถึงเจ้าหน้าที่ดับเพลิง
ขณะเดียวกัน สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ในวันพฤหัสบดี สภาพอากาศทั้งในสิงคโปร์ และมาเลเซียเริ่มดีขึ้นโดยมีคุณภาพอยู่ในระดับปานกลาง และท้องฟ้าเริ่มโปร่งกว่าหลายวันที่ผ่านมา