xs
xsm
sm
md
lg

ผู้เชี่ยวชาญป่าไม้เตือน “หมอกควันไฟป่าอิเหนา” อาจลากยาวจนถึงสิ้นปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี - รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมมาเลเซียคาดปัญหาหมอกควันไฟป่าที่กำลังบั่นทอนสุขภาพประชาชนในหลายประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีแนวโน้มยืดเยื้อไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนซึ่งจะเริ่มเข้าสู่ฤดูมรสุม ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้เตือนว่า อาจจะต้องใช้เวลาจนถึง “สิ้นปี” กว่าคุณภาพอากาศจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ

แรงกดดันจากเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและสิงคโปร์ซึ่งถูกหมอกควันพิษปกคลุมมานานหลายสัปดาห์ ทำให้รัฐบาลอินโดนีเซียต้องประกาศยอมรับความช่วยเหลือจากนานาชาติเมื่อต้นเดือนนี้ หลังปฏิบัติการต่อสู้ไฟป่าซึ่งเกิดจากการ “แผ้วถางและเผา” เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกปาล์มน้ำมันบนเกาะสุมาตราและบอร์เนียว ยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร

อย่างไรก็ตาม วัน ญุไนดี ตวนกู ญาฟาร์ รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมมาเลเซีย ได้ออกมาเตือนวานนี้ (19 ต.ค.)ว่า ความพยายามดับไฟในช่วงนี้คงไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น และอาจต้องรอจนกว่าจะเข้าสู่ฤดูมรสุมในเดือนพฤศจิกายน

“ถ้าไม่มีฝนตกลงมาช่วย ไม่มีทางที่การแทรกแซงของมนุษย์จะดับไฟทั้งหมดได้” วัน ญุไนดี ให้สัมภาษณ์ระหว่างการประชุมที่อาคารรัฐสภา พร้อมระบุว่า ไฟป่าในอินโดนีเซียได้ลุกลามจนกินพื้นที่กว้างขวาง แม้นานาชาติจะส่งเครื่องบินและสารเคมีเข้าไปช่วย “ก็ไม่เพียงพอที่จะดับไฟ”

“เราได้แต่รอคอยฝนที่จะเริ่มตกช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ซึ่งคงจะช่วยให้ไฟป่าดับลงได้”

แม้หมอกควันจากไฟป่าอิเหนาจะเป็นปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าปีนี้สถานการณ์อาจเลวร้ายเป็นพิเศษ เพราะได้รับแรงหนุนจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งจากปรากฏการณ์ “เอลนีโญ”

เฮอร์รี ปุรโนโม นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันเพื่อการวิจัยป่าไม้ในอินโดนีเซีย อ้างข้อมูลภูมิอากาศซึ่งบ่งชี้ว่าฤดูแล้งรวมถึงปัญหาหมอกควันในปีนี้อาจกินเวลาไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งนานกว่าปกติราวๆ 2 เดือน

“นั่นหมายความว่าหมอกควันจะยังไม่หมดไปในเดือนพฤศจิกายน ต่อให้ล่วงเข้าเดือนธันวาคมก็จะยังมีปัญหาอยู่” เขากล่าว

ปุรโนโม ระบุว่า ไฟป่าในปีนี้ขยายวงกว้างมากกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากมีที่ดินถูกแปลงเป็นสวนปาล์มน้ำมันและพื้นที่เพาะปลูกพืชชนิดอื่นๆ เพิ่มขึ้น

วันศุกร์ที่แล้ว (16) ทางการอิเหนาได้เริ่มภารกิจต่อสู้ไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุด โดยมีการส่งเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ 32 ลำ รวมถึงเครื่องบินจากสิงคโปร์ มาเลเซีย และออสเตรเลีย 6 ลำ และทหารอีกกว่า 22,000 นาย เข้าไปสกัดกั้นเพลิงซึ่งเกิดจากการแผ้วถางและเผาพื้นที่ป่าอย่างผิดกฎหมายบนเกาะสุมาตรา และบอร์เนียว

มลพิษในอากาศที่พุ่งสูงทำให้ชาวมาเลเซียและสิงคโปร์หลายพันคนล้มป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้หมอกควันที่ปกคลุมท้องฟ้ายังทำให้ทัศนวิสัยลดลง ส่งผลกระทบต่อเที่ยวบิน รวมถึงงานอีเวนต์นานาชาติที่มีกำหนดจัดขึ้นในช่วงนี้

สุโตโป ปุรโว นูโกรโฮ โฆษกสำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซีย ให้สัมภาษณ์วานนี้ (19) ว่า วิกฤตไฟป่าในปีนี้ “ยังแก้ไม่สำเร็จ” และจากข้อมูลดาวเทียมก็พบว่า อินโดนีเซียยังคงมี “ฮอตสปอต” ซึ่งหมายถึงจุดที่มีเพลิงไหม้หรือมีความเสี่ยงที่ไฟจะปะทุ มากกว่า 1,500 แห่ง

“ตัวเลขที่แท้จริงคงมากกว่านี้ เพราะสัญญาณดาวเทียมไม่สามารถทะลุผ่านหมอกควันที่หนาทึบบนเกาะสุมาตราและบอร์เนียวได้” เขากล่าวเสริม

รัฐบาลมาเลเซียมีคำสั่งให้โรงเรียนในกรุงกัวลาลัมเปอร์และอีกหลายรัฐทั่วประเทศปิดการเรียนการสอนตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ (20) เนื่องจากค่ามลพิษเพิ่มสูงขึ้นจนถึงระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่วนสิงคโปร์ซึ่งคุณภาพอากาศย่ำแย่ในช่วงสุดสัปดาห์เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นบ้างวานนี้ (19)






กำลังโหลดความคิดเห็น