xs
xsm
sm
md
lg

เลขาธิการ NATO ชี้เครื่องบินขับไล่รัสเซียรุกล้ำน่านฟ้าตุรกี “ไม่เหมือนอุบัติเหตุ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เจนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการนาโต เปิดแถลงข่าวที่สำนักงานใหญ่นาโต ณ กรุงบรัสเซลส์ เมื่อวานนี้ (6 ต.ค.)
รอยเตอร์ - เลขาธิการนาโตออกมาปฏิเสธข้ออ้างของรัสเซียที่ว่ากรณีเครื่องบินขับไล่รุกล้ำน่านฟ้าตุรกีเป็น “ความผิดพลาด” โดยชี้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น “ไม่เหมือนเป็นอุบัติเหตุ” พร้อมเตือนว่ามอสโกมีการส่งทหารภาคพื้นดินและเรือรบเข้าไปยังน่านน้ำซีเรียเพิ่มขึ้น

ขณะที่กองทัพรัสเซียเริ่มขยายปฏิบัติการโจมตีทางอากาศไปยังเขตเมืองโบราณ “พัลไมรา” ของซีเรีย ประธานาธิบดีตอยยิบ เออร์โดกัน แห่งตุรกี ก็ออกมาเตือนว่า ตนเริ่มจะ “หมดความอดทน” กับพฤติกรรมล่วงละเมิดน่านฟ้าของอากาศยานแดนหมีขาว

“การโจมตีตุรกีก็เท่ากับโจมตีนาโต” เออร์โดกัน แถลงต่อสื่อมวลชนที่กรุงบรัสเซลส์

เจนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการนาโตชี้ว่า กลุ่มพันธมิตรได้รับรายงานเกี่ยวกับการเสริมกำลังทหารของมอสโกในซีเรีย ซึ่งมีทั้งทหารภาคพื้นดิน และกองเรือรบทางฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

“ผมไม่ขอคาดเดาว่าอะไรคือเหตุจูงใจ... แต่สิ่งที่ปรากฏไม่เหมือนอุบัติเหตุ และเกิดขึ้นถึง 2 ครั้งด้วยกัน” สโตลเตนเบิร์ก อ้างถึงกรณีเครื่องบินขับไล่รัสเซียรุกล้ำน่านฟ้าตุรกีบริเวณแนวพรมแดนฝั่งที่ติดกับซีเรียเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งแต่ละครั้ง “กินเวลานานพอสมควร”

นาโตระบุว่า พฤติกรรมเช่นนี้ “อันตรายอย่างยิ่ง” และ “ไม่อาจรับได้” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงที่สงครามกลางเมืองซีเรียจะขยายวงกว้างออกไป และยังถือเป็นครั้งแรกที่โลกได้เห็นฝูงบินขับไล่ของสหรัฐฯ และรัสเซียออกปฏิบัติการสู้รบในน่านฟ้าประเทศเดียวกัน นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง

กระทรวงกลาโหมรัสเซียยอมรับว่า เครื่องบินขับไล่ SU-30 ลำหนึ่งได้ผ่านเข้าไปในน่านฟ้าตุรกีใกล้พรมแดนซีเรีย “เพียงไม่กี่วินาที” เมื่อวันเสาร์ (3) ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากสภาพอากาศเลวร้าย ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าจะตรวจสอบที่มาที่ไป หลังนาโตเปิดเผยว่าเครื่องบินของรัสเซียได้รุกล้ำน่านฟ้าของตุรกีอีกเป็นครั้งที่ 2 ในวันอาทิตย์ (4)

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บอกกับรอยเตอร์ว่า การรุกล้ำน่านฟ้ากินเวลานานกว่า 2-3 วินาทีอย่างแน่นอน และที่มอสโกอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุก็ “ไม่น่าเชื่อถือ”

ล่าสุด กองทัพตุรกีระบุว่า ได้เกิดเหตุกระทบกระทั่งกันอีกครั้งในวันจันทร์ (5) เมื่อเครื่องบินขับไล่รุ่น MIG-29 และระบบขีปนาวุธในซีเรีย “แทรกแซง” ภารกิจฝูงบินขับไล่ F-16 ของตุรกีที่กำลังบินตรวจการณ์บริเวณแนวพรมแดน

กองทัพตุรกี แถลงว่า เรดาร์ของเครื่องบิน MIG-29 ได้ “ล็อกเป้าหมาย” มาที่ฝูงบินตรวจการณ์ของตุรกีอยู่นานถึง 4 นาทีครึ่ง ส่วนระบบขีปนาวุธซีเรียก็ล็อกเป้าหมายมาที่อากาศยานของตุรกีประมาณ 4 นาทีกับอีก 15 วินาที

ทั้งนี้ เครื่องบินขับไล่รุ่น MIG-29 มีใช้งานทั้งในกองทัพอากาศรัสเซียและซีเรีย

สโตลเตนเบิร์กระบุว่า นาโตยังไม่ได้รับ “คำอธิบายที่ชัดเจน” จากทางรัสเซียในเรื่องนี้
เครื่องบินขับไล่รุ่น MIG-29 ของกองทัพรัสเซีย
การบุกรุกน่านฟ้าตุรกีเกิดขึ้น ในขณะที่รัสเซียและชาติตะวันตกกำลังขัดแย้งอย่างหนักในเรื่องเป้าหมายของปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ โดยรัสเซียนั้นอ้างว่าต้องการถล่มกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ทว่าพื้นที่ที่ถูกโจมตีส่วนใหญ่กลับเป็นฐานกำลังของฝ่ายกบฏที่ต่อต้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด

ชาติตะวันตก รัฐอ่าวอาหรับ และตุรกี ซึ่งได้ส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดโจมตีไอเอสอยู่เช่นกัน ยืนกรานว่าอัสซาดจะต้องสละอำนาจ และเชื่อว่ามอสโกกำลังใช้นักรบญิฮาดเป็นข้ออ้างบั่นทอนพวกกบฏที่เป็นศัตรูของผู้นำซีเรียมากกว่า

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เรียกร้องให้นานาชาติยอมรับว่าความเข้มแข็งของรัฐบาลอัสซาดคือกลไกสำคัญที่จะช่วยให้การกวาดล้างลัทธิหัวรุนแรงสำเร็จได้

การที่เครื่องบินรัสเซียและนาโตปฏิบัติภารกิจโจมตีในน่านฟ้าเดียวกันเช่นนี้ ทำให้สุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งที่ 2 ขั้วอริในยุคสงครามเย็นจะหันมายิงใส่กันเอง

น่านฟ้าบริเวณนี้เคยเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันมาแล้วในอดีต โดยเมื่อปี 2012 เครื่องบินตุรกีลำหนึ่งถูกกองทัพอากาศซีเรียยิงตกในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเมื่อต้นปีนี้กองทัพตุรกีก็ได้ยิงเฮลิคอปเตอร์ของซีเรียตกเช่นกัน โดยกรุงอังการาอ้างว่า “ถูกรุกล้ำน่านฟ้า”

กระทรวงกลาโหมรัสเซียยอมรับหลักการเบื้องต้นที่สหรัฐฯ เสนอให้มีการประสานงานเกี่ยวกับภารกิจทิ้งระเบิดในซีเรีย และยืนยันว่าพร้อมที่จะพูดคุยกับรัฐบาลตุรกีเพื่อ “หลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด” อีกทั้งยังเชิญผู้นำกองทัพต่างชาติให้เดินทางไปกรุงมอสโก เพื่อหารือยุทธศาสตร์ในการกวาดล้างกลุ่มไอเอส

ประธานาธิบดีปูตินเคยประกาศจะไม่ส่งกองกำลังภาคพื้นดินเข้าไปในซีเรีย ทว่า เลขาธิการนาโตยืนยันว่ามีทหารรัสเซียถูกส่งเข้าไปยังซีเรียเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“ผมยืนยันได้ว่ากองทัพรัสเซียมีการเสริมกำลังในซีเรียจริง ทั้งกองกำลังทางอากาศ การป้องกันภัยทางอากาศ และทหารภาคพื้นดินที่ถูกส่งเข้าไปปฏิบัติภารกิจเกี่ยวเนื่องกับฐานทัพอากาศที่พวกเขาใช้งานอยู่ นอกจากนี้ ยังมีการส่งเรือรบเข้าไปประจำการด้วย” สโตลเตนเบิร์กกล่าว

เจ้าหน้าที่ระดับสูงในตะวันออกกลางหลายคนบอกกับรอยเตอร์ว่า การโจมตีทางอากาศของรัสเซียเป็นส่วนหนึ่งของแผนเชิงรุก ซึ่งยังรวมถึงปฏิบัติการภาคพื้นดินโดยทหารอิหร่าน กองโจรกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน และกองทัพประธานาธิบดีอัสซาด เพื่อต่อต้านบรรดาศัตรูของดามัสกัส

ปฏิบัติการภาคพื้นดินที่ว่านี้จะนำโดย กอสเซ็ม สุลัยมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษกุดส์ (Quds) ซึ่งขึ้นตรงต่อ อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน

เจ้าหน้าที่ในตะวันออกกลางเผยด้วยว่า สุลัยมานีได้เดินทางไปมอสโกเมื่อเดือนกรกฎาคมเพื่อวางแผนปฏิบัติการร่วมในซีเรีย โดยก่อนหน้านั้นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียได้เข้าพบ คอเมเนอี และฝ่ายอิหร่านก็ได้ส่งผู้แทนมาพบ ปูติน เพื่อตกลงกันล่วงหน้า

สหรัฐฯ ระบุว่า รัสเซียได้ส่งรถถังรุ่น T-90 จำนวน 7 คัน ปืนใหญ่จำนวนหนึ่ง และทหารราบกองทัพเรือ (naval infantry soldiers) 200 นายไปยังฐานทัพอากาศในจังหวัดลาตาเกียของซีเรีย รวมถึงสร้างค่ายพักชั่วคราว สถานีควบคุมการจราจรทางอากาศเคลื่อนที่ และระบบป้องกันภัยทางอากาศ

กำลังโหลดความคิดเห็น