เอเอฟพี/รอยเตอร์ - การโจมตีทางอากาศของรัสเซีย ในดินแดนซีเรียที่กำลังแตกแยกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยภัยสงครามเมื่อวันพุธ(30ก.ย.) ก่อความคลางแคลงใจแก่ชาติตะวันตกว่าเป้าหมายที่แท้จริงคืออะไร ท่ามกลางคำครหาว่าพวกเขาลงมือถือถล่มฝ่ายต่อต้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แทนที่จะเป็นนักรบรัฐอิสลาม(ไอเอส) ตามคำกล่าวอ้าง
เครื่องบินรบของรัสเซียพร้อมด้วยอากาศยานรัฐบาลซีเรีย ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในหลายจังหวัดของซีเรียในวันพุธ(30ก.ย.) ถือเป็นการเข้าสู้รบทางทหารในยุทธบริเวณที่อยู่ห่างไกลเป็นครั้งแรกของรัสเซีย นับตั้งแต่ครั้งสหภาพโซเวียตเข้ารุกรานยึดครองอัฟกานิสถานเมื่อปี 1979 โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ชิงลงมือก่อนประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ ด้วยการเดินหน้าแผนคู่แข่งกับอเมริกา ในการกำราบนักรบรัฐอิสลาม
ทำเนียวขาว ให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ด้วยท่าทีระมัดระวัง โดยบอกว่ายังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่ารัสเซียเล็งโจมตีเป้าหมายใดในซีเรีย แต่ชัดเจนว่ามอสโกกำลังยกระดับให้การสนับสนุนประธานาธิบดีอัสซาด"กระทรวงกลาโหมกำลังตรวจสอบความเคลื่อนไหวทางทหารของรัสเซียในซีเรีย" จอร์ช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาวแถลงสรุป "มันเร็วเกินไปที่จะบอกถึงเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขา และเป้าหมายที่พวกเขาถล่มไปนั้นคืออะไร"
ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางรายงานข่าวที่ขัดแย้งกันต่อกรณีที่ว่าการโจมตีของรัสเซียมีเป้าหมายสนับสนุนนายอัสซาดหรือประสงค์ถล่มพวกไอเอสในซีเรียกันแน่ ด้วยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯรายหนึ่งบอกว่าเครื่องบินรบรัสเซียมีเป้าหมายที่ฝ่ายค้านรัสเซีย ไม่ใช่กลุ่มไอเอส "เราไม่เห็นการโจมตีใดๆต่อพวกไอเอสเลย สิ่งที่เราเห็นคือการโจมตีต่อฝ่านค้านซีเรียเท่านั้น"
ส่วนนายโลรองต์ ฟาบิอุส รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศสก็บอกกับที่ประชุมบอกกับผู้สื่อข่าว ณ สหประชาชาติ แสดงความสงสัยต่อปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียในซีเรีย โดยระบุว่ามีสิ่งต่างๆบ่งชี้ว่าการโจมตีของมอสโกไม่ได้มีเป้าหมายที่พวกนักรบไอเอส
อย่างไรก็ตามทางโฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย บอกกับผู้สื่อข่าวที่สหประชาชาติเช่นกัน ตอบโต้ว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของตะวันตกต่อปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรียของมอสโก เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ขณะที่ทางกระทรวงกลาโหมแดนหมีขาวยืนยันว่าการโจมตีดังกล่าวไม่โดนโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนและพื้นที่ใกล้เคียงแม้แต่น้อย
ด้านดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของเครมลิน ให้ข้อมูลเสริมว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียในซีเรีย จะไม่มีการขยายสู่อิรักและเครื่องบินรบมอสโกไม่ได้ใช้น่านฟ้าของอิรักโจมตีทางอากาศในซีเรีย พร้อมกันนั้นยังเผยด้วยว่าอิรักไม่ได้ร้องขอเครมลิน ดำเนินการโจมตีทางอากาศถล่มนักรบไอเอสในดินแดนของอิรัก
รัสเซียเปิดการโจมตีทางอากาศ ไม่กี่ชั่วโมงภายหลังสภาแดนหมีขาวลงมติเป็นเอกฉันท์ อนุญาตให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ส่งกำลังทหารเข้าซีเรียได้ โดยที่วังเครมลินยืนยันว่า จะปฏิบัติการทางอากาศเท่านั้น ไม่มีการส่งทหารภาคพื้นดินเข้าไป พร้อมกับระบุว่าเป็นการทำตามคำขอของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด และสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่เหมือนกองกำลังพันธมิตรที่วอชิงตันเป็นหัวโจก ที่ส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดในซีเรียตามอำเภอใจ
ปูตินแถลงผ่านทีวีในวันพุธว่า การปฏิบัติการคราวนี้เป็นการชิงจู่โจมลงมือก่อน พร้อมกับประกาศว่ามอสโกจะไล่ล่าปราบปรามพวกนักรบหัวรุนแรงของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ก่อนที่พวกนั้นจะพุ่งเป้าเข้าโจมตีรัสเซีย "หนทางที่ถูกต้องเพียงหนทางเดียวในการสู้รบกับลัทธิก่อการร้ายระหว่างประเทศ คือการชิงลงมือก่อน คือการเข้าทำศึกและทำลายพวกนักรบและพวกผู้ก่อการร้ายในดินแดนที่พวกนี้เข้ายึดครองเอาไว้แล้ว ไม่ใช่รอคอยให้พวกเขาเข้ามาหาเรา" ประมุขวังเครมลินผู้นี้ประกาศ
วอชิงตัน แสดงความกังวลว่าหากปฏิบัติการดังกล่าวของมอสโกเป็นการสนับสนุนพันธมิตรเก่าแก่อย่างนายอัสซาด จะสร้างความยุ่งยากซับซ้อนแก่พันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯในการปราบปรามพวกไอเอส
นายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯบอกก่อนหน้านี้ในวันพุธ(30ก.ย.) ว่าความเคลื่อนไหวของมอสโกไม่ได้เกื้อกูลความพยายามดังกล่าวเลย อย่างไรก็ตามวอชิงตันจะไม่คัดค้านการโจมตีของรัสเซีย หากว่าพวกเขามีความตั้งใจอย่างแท้จริงในการกำราบไอเอส
ปูตินกำลังหาทางเสริมความเข้มแข็งในการหวนคืนสู่เวทีโลกของเขา หลายเดือนหลังจากถูกโดดเดี่ยวจากตะวันตก ตามหลังรัสเซียผนวกไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนและให้การสนับสนุนกบฏแบ่งแยกดินแดนทางภาคตะวันออกของยูเครน
วอชิงตันและพันธมิตรกล่าวโทษนายอัสซาดต่อความโกลาหลในซีเรีย ซึ่งต้องเผชิญเหตุสู้รบนองเลือดมานานกว่า 4 ปี คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 240,000 ศพ พร้อมระบุว่าผู้นำซีเรียรายนี้ต้องลงจากอำนาจ หากต้องการเอาชนะพวกไอเอส อย่างไรก็ตามทางรัสเซีย โตแย้งว่าหากตะวันตกต้องการปราบปรมนักรบกลุ่มนี้ ก็จำเป็นต้องให้การสนับสนุนนายอัสซาด
