เอเจนซีส์ - รัสเซียเปิดการโจมตีทางอากาศเป็นครั้งแรกเมื่อวันพุธ (30 ก.ย.) ในดินแดนซีเรียที่กำลังแตกแยกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยภัยสงคราม ไม่กี่ชั่วโมงภายหลังสภาแดนหมีขาวลงมติเป็นเอกฉันท์ อนุญาตให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ส่งกำลังทหารเข้าซีเรียได้ โดยที่วังเครมลินยืนยันว่า จะปฏิบัติการทางอากาศเท่านั้น ไม่มีการส่งทหารภาคพื้นดินเข้าไป พร้อมกับระบุว่าเป็นการทำตามคำขอของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด และสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่เหมือนกองกำลังพันธมิตรที่วอชิงตันเป็นหัวโจก ที่ส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดในซีเรียตามอำเภอใจ
การโจมตีทางอากาศคราวนี้ ถือเป็นการเข้าสู้รบทางทหารในยุทธบริเวณที่อยู่ห่างไกลเป็นครั้งแรกของรัสเซีย นับตั้งแต่ครั้งสหภาพโซเวียตเข้ารุกรานยึดครองอัฟกานิสถานเมื่อปี 1979 ขณะที่ปูตินแถลงผ่านทีวีในวันพุธว่า การปฏิบัติการคราวนี้เป็นการชิงจู่โจมลงมือก่อน พร้อมกับประกาศว่ามอสโกจะไล่ล่าปราบปรามพวกนักรบหัวรุนแรงของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ก่อนที่พวกนั้นจะพุ่งเป้าเข้าโจมตีรัสเซีย
“หนทางที่ถูกต้องเพียงหนทางเดียวในการสู้รบกับลัทธิก่อการร้ายระหว่างประเทศ … คือการชิงลงมือก่อน คือการเข้าทำศึกและทำลายพวกนักรบและพวกผู้ก่อการร้ายในดินแดนที่พวกนี้เข้ายึดครองเอาไว้แล้ว ไม่ใช่รอคอยให้พวกเขาเข้ามาหาเรา” ประมุขวังเครมลินผู้นี้ประกาศ
ทางด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียบอกว่า การโจมตีทางอากาศคราวนี้มุ่งเล่นงานพวกผู้ก่อการร้ายในซีเรีย
ขณะที่ แหล่งข่าวด้านความมั่นคงชาวซีเรียผู้หนึ่งแจ้งต่อสำนักข่าวเอเอฟพีว่า เครื่องบินของรัสเซียและของซีเรียได้เข้าโจมตีที่มั่นของพวกผู้ก่อการร้ายหลายจุดใน 3 จังหวัด คือ ฮามา, ฮอมส์, และ ลาตาเกีย ทั้งนี้ 2 จังหวัดแรกอยู่ทางตอนกลางของซีเรีย ขณะที่ ลาตาเกีย อยู่บริเวณชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งถือเป็นที่มั่นสำคัญของรัฐบาลอัสซาด
การปฏิบัติการทางอากาศคราวนี้ บังเกิดขึ้นหลังจาก ปูติน และประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ต่างฝ่ายต่างผลักดันแผนการที่ขัดแย้งกัน เกี่ยวกับวิธีการในการเอาชนะกลุ่มไอเอส และเรื่องอนาคตของอัสซาด
เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯเปิดเผยว่า ฝ่ายรัสเซียได้แจ้งให้ทราบว่าพวกเขากำลังจะเริ่มการโจมตีในซีเรีย บริเวณรอบๆ เมืองฮอมส์ โดยการติดต่อสื่อสารกันนี้ นายพลรัสเซียผู้หนึ่งซึ่งกำลังทำงานอยู่ในศูนย์ข่าวกรองในกรุงแบกแดด ได้เดินทางไปยังสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำอิรัก และแจ้งเรื่องนี้ด้วยวาจา ก่อนหน้าการลงมือปฏิบัติการราว 1 ชั่วโมง
ปูตินเองก็เพิ่งได้รับอนุมัติไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น จากสภาสหพันธรัฐหรือวุฒิสภาของรัสเซีย ซึ่งได้อภิปรายแบบปิดลับ และสุดท้ายมีมติเอกฉันท์อนุญาตให้ส่งกองกำลังฉุกเฉินเข้าสู่ซีเรีย ทั้งนี้จากการแถลงของ เซียร์เกย์ อิวานอฟ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ของวังเครมลิน
อิวานอฟ ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีกลาโหมยืนยันว่า มอสโกจะไม่ส่งทหารภาคพื้นดินเข้าสู้รบในซีเรีย แต่จะใช้กำลังทางอากาศเท่านั้น เพื่อให้การสนับสนุนกองกำลังของรัฐบาลซีเรียในการสู้รบกับกลุ่มไอเอส ไม่ใช่เพื่อตอบสนองเป้าหมายในต่างประเทศของรัสเซียอย่างที่ชาติตะวันตกกล่าวหา
เขาเสริมว่า การตัดสินใจนี้ยังอิงกับผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซียเอง เนื่องจากมอสโกกำลังกังวลกับการที่พลเมืองจำนวนมากขึ้นสมัครใจไปร่วมรบให้ไอเอส ดังนั้น การใช้มาตรการชิงจู่โจมก่อนและในดินแดนของซีเรีย จึงย่อมดีกว่าที่จะรอให้นักรบเหล่านั้นกลับมาก่อการร้ายภายในรัสเซีย
อิวานอฟยังบอกอีกว่า การดำเนินการทั้งหมดนี้มีขึ้นหลังจากมอสโกได้รับการร้องขอจากประธานาธิบดีอัสซาด และว่าความแตกต่างสำคัญที่สุดระหว่างประเทศอื่นๆ ที่เข้าไปโจมตีทางอากาศในซีเรีย เช่น อเมริกา คือประเทศเหล่านั้นไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศแบบรัสเซีย
มอสโกนั้นให้การสนับสนุนอัสซาดมาโดยตลอด และสงครามในซีเรียที่เริ่มต้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 250,000 คน และประชาชนอีกหลายล้านคนต้องอพยพออกจากซีเรีย อันนำไปสู่วิกฤตผู้อพยพในยุโรปขณะนี้
เครมลินยังแถลงว่า ปูตินได้เรียกประชุมสภาความมั่นคงของรัสเซีย ณ ที่พักนอกมอสโกของเขาเมื่อคืนวันอังคาร (29 ก.ย.) เพื่อหารือเรื่องการก่อการร้ายและขบวนการหัวรุนแรง
นอกจากนั้น รัสเซียยังมีกำหนดเป็นเจ้าภาพการประชุมพิเศษของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้ายในวันพุธ ซึ่งมีแนวโน้มตอกย้ำมุมมองที่ขัดแย้งระหว่างมอสโกกับวอชิงตันเกี่ยวกับวิกฤตซีเรีย
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ของปูติน มีขึ้นหลังจากเขาหารือนอกรอบกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ขณะต่างเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ที่นิวยอร์ก เมื่อวันจันทร์ (28 ก.ย.) โดยประเด็นสำคัญที่พูดจากันคือการที่รัสเซียส่งกำลังทหารเข้าไปในซีเรีย
ในที่ประชุมยูเอ็น ปูตินเสนอให้สหประชาชาติสนับสนุนการจัดตั้งกองกำลังนานาชาติขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับไอเอส นอกจากนั้นเขายังงัดข้อกับโอบามาเรื่องอนาคตของอัสซาด โดยปูตินเห็นว่า นานาชาติควรให้การสนับสนุนอัสซาด ขณะที่โอบามายืนกรานให้อัสซาดลาออกไป
ต่อมาในวันอังคาร รัสเซียยังจงใจดูหมิ่นอเมริกาด้วยการส่งนักการทูตระดับล่างเข้าร่วมการประชุมสุดยอดต่อต้านการก่อการร้ายที่วอชิงตันเป็นเจ้าภาพ
ในอีกด้านหนึ่ง แหล่งข่าววงในเผยว่า ฝรั่งเศสได้เปิดการสอบสวนเบื้องต้นตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน ในข้อกล่าวหาที่ว่า รัฐบาลอัสซาดก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติระหว่างปี 2011-2013 โดยอิงกับหลักฐานจากช่างภาพของกองทัพซีเรียที่ใช้ชื่อรหัส “ซีซาร์” ซึ่งแปรพักตร์และหนีออกนอกประเทศในปี 2013 พร้อมภาพถ่าย 55,000 ภาพ
ขณะเดียวกัน กลุ่มซีเรียน อ็อบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ส ที่มีฐานอยู่ในลอนดอนเผยว่า การโจมตีทางอากาศของฝรั่งเศสในซีเรียเมื่อไม่กี่วันมานี้ สังหารสมาชิกไอเอสอย่างน้อย 30 ราย ในจำนวนนี้รวมถึงทหารเด็ก 12 คน