รอยเตอร์ - จีนจะสนับสนุนทหาร 8,000 นายแก่กองกำลังเตรียมพร้อมรักษาสันติภาพสหประชาชาติ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เผยกับที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นในวันจันทร์ (28 ก.ย.) ความเคลื่อนไหวที่อาจทำให้ปักกิ่งกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีบทบาทสำคัญที่สุุดในความพยายามรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ
คำสัญญาของนายสี มีขึ้นขณะที่จีนพยายามแสดงความรับผิดชอบมากขึ้นในบทบาทนานาชาติ ท่ามกลางความกัวลต่อการขยายแสนยานุภาพทางทหารของพวกเขาและข้อพิพาททางอาณาเขตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
คำยืนยันดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก นายสี เห็นพ้องกับประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ ระหว่างการเดินทางเยือนวอชิงตันอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ (25 ก.ย.) ว่าทั้งสองประเทศจะเพิ่มความแข็งแกร่งแก่พันธกิจรักษาสันติภาพ
ประธานาธิบดีทั้งสองเป็นหนึ่งในบรรดาผู้นำโลกราว 50 คน ราว 1 ใน 3 มาจากยุโรป ที่ประกาศสนับสนุนด้านกำลังทหารและตำรวจ ยุทโธปกรณ์และการฝึกฝนแก่ภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติระหว่างการประชุมยูเอ็นซัมมิท ที่มีโอบามาเป็นประธานในวันจันทร์ (28 ก.ย.)
“จีนจะเข้าร่วมระบบเตรียมพร้อมประสิทธิภาพกองกำลังรักษาสันติภาพยูเอ็นใหม่ ดังนั้นจึงตัดสินใจเป็นผู้นำในการจัดตั้งทีมตำรวจรักษาสันติภาพถาวร และเสริมกองกำลังเตรียมพร้อมรักษาสันติภาพสหประชาชาติ 8,000 นาย” สีกล่าว พร้อมระบุว่าปักกิ่งจะมอบความช่วยเหลือทางทหารเป็นเงิน 100 ล้านดอลลาร์ แก่สหภาพแอฟริกาในช่วง 5 ปีข้างหน้าเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งกองกำลังเตรียมพร้อมแอฟริกาและส่งเสริมแสนยานุภาพในการตอบสนองต่อวิกฤตต่างๆ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม
กองทัพสหรัฐฯบอกกับคณะทูตและที่ปรักษาทางทหารสหประชาชาติหลายสิบคน ที่นิวยอร์กเมื่อเดือนกรกฏาคม ว่าสหประชาชาติต้องการกองกำลังตอบสนอง ยุทโธปกรณ์และการฝึกฝนอย่างเร่งด่วน
สหรัฐฯ คือผู้สนับสนุนเงินกว่า 28 เปอร์เซนต์ของงบประมาณรักษาสันติภาพสหประชาชาติ 8,200 ล้านดอลลาร์ แต่ทางปักกิ่งบอกว่าพวกเขาได้ให้การสนับสนุนทางบุคลากรในภารกิจรักษาสันติภาพมากกว่าอีก 4 ชาติอื่นๆ ในสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคง อันได้แก่ สหรัฐฯ รัสเซีย ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร
จากข้อมูลจนถึงเดือนสิงหาคมบนเว็บไซต์ของสหประชาชาติ พบว่า จนถึงตอนนี้จีนมีทหาร ตำรวจและคณะที่ปรึกษาในกองกำลังรักษาสันติภาพยูเอ็นราว 3,000 นายจากทั้งหมดมากกว่า 106,5000 นาย ถือเป็นชาติผู้สนับสนุนบุคลากรด้านรักษาสันติภาพรายใหญ่สุดอันดับ 9
นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า การขยายบทบาทรักษาสันติภาพของจีนช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดำเนินการควบคู่ไปกับความปรารถนาขยายแสนยานุภาพทางทหารออกไปในต่างแดนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นายสีพยายามปัดเป่าความกังวลของหลายฝ่ายที่มองอิทธิพลที่กำลังเติบโตขึ้นของปักกิ่งในฐานะภัยคุกคาม
