เอเอฟพี - ผู้สนับสนุนรัฐบาลมาเลเซียหลายพันคนพร้อมใจกันสวมเสื้อแดงร่วมชุมนุมใหญ่ที่ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันนี้ (16 ก.ย.) เพื่อให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก ซึ่งกำลังถูกสังคมซักฟอกเรื่องที่มาของเงินบริจาค 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงคดีทุจริตเงินกองทุนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาว ขณะที่หลายฝ่ายเริ่มเป็นกังวลเรื่องการปราศรัยที่มีการสอดแทรกเนื้อหายั่วยุความแตกแยกทางเชื้อชาติ
กิจกรรมในวันนี้ (16) จัดขึ่นโดยแกนนำในพรรคอัมโน (United Malays National Organisation - UMNO) เพื่อตอบโต้การชุมนุมประท้วงใหญ่ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งมีการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี นาจิบ ลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบเรื่องเงินบริจาคในบัญชีส่วนตัว อีกทั้งกรณีอื้อฉาวของกองทุน วัน มาเลเซีย ดีเวลลอปเมนต์ เบอร์ฮัด (1MDB)
ประชาชนส่วนใหญ่ที่ออกมาเดินขบวนในวันนี้ (16) เป็นคนหนุ่มเชื้อสายมาเลย์ที่สวมเสื้อสีแดงของพรรคอัมโน บ้างก็ถือป้ายสนับสนุนรัฐบาลและป่าวร้องสโลแกน “ชาวมาเลย์จงเจริญ” (Long live the Malays)
“ผมมาเพื่อปกป้องสิทธิของคนมาเลย์” อัสวัด ชารี วัย 25 ปี ซึ่งเดินทางเข้าเมืองหลวงด้วยขบวนรถบัสที่ทางแกนนำพรรคอัมโนจัดหามา กล่าว
พรรคอัมโนซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ของกลุ่ม บาริซาน เนชันแนล (บีเอ็น) ผูกขาดอำนาจปกครองแดนเสือเหลืองมานานถึง 58 ปี ด้วยนโยบายให้สิทธิประโยชน์แก่ชาวมุสลิมมาเลย์เหนือกว่าพลเมืองกลุ่มน้อยอื่นๆ เช่น ชาวจีน และชาวอินเดีย
อย่างไรก็ตาม คะแนนนิยมของรัฐบาลพรรคอัมโนตกต่ำลงในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และถึงกับเคยพ่ายป็อปปูลาร์โหวตให้แก่ฝ่ายค้านในศึกเลือกตั้งเมื่อปี 2013 เนื่องจากประชาชนส่วนหนึ่งเริ่มเอือมระอากับการเมืองที่เน้นอำนาจเงิน พฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชัน การกดขี่ผู้ต่อต้านรัฐ และระบบเลือกตั้งที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมเอื้อประโยชน์ให้แก่รัฐบาล
พรรคอัมโนเริ่มเอาประเด็นทางเชื้อชาติมาสอดแทรกไว้ในการปราศรัยหาเสียง โดยหวังจะเรียกคะแนนนิยมจากชาวมาเลย์ซึ่งเป็นพลเมืองส่วนใหญ่
สำหรับกิจกรรมในวันนี้(16) ผู้ชุมนุมจะเคลื่อนขบวนไปตามแหล่งท่องเที่ยวใจกลางกรุงกัวลัมเปอร์และย่านธุรกิจของชาวจีนซึ่งคิดเป็นพลเมืองราว 1 ใน 4 ของมาเลเซีย โดยทางการเสือเหลืองยืนยันว่าจะควบคุมไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าไปในพื้นที่ซึ่งอาจจะเกิดความขัดแย้งขึ้น
รัฐบาลมาเลเซียยังได้จัดกำลังตำรวจหลายร้อยนายลงพื้นที่ดูแลความสงบเรียบร้อยทั่วเมืองหลวง ขณะที่ย่านการค้าของชาวจีนบางแห่งที่ถูกปิดชั่วคราว ซึ่งสร้างความสับสนงงงวยต่อบรรดานักท่องเที่ยว
คณะผู้จัดงานยืนยันว่า การชุมนุมครั้งนี้จะเป็นไปอย่างสันติ
อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากพรรคฝ่ายค้านและคนในรัฐบาลเองซึ่งเกรงว่า การจัดกิจกรรมเช่นนี้อาจยั่วยุให้เกิดความแตกแยกขึ้นในสังคม เหมือนที่เคยเกิดเหตุจลาจลทางเชื้อชาติอย่างรุนแรงมาแล้วเมื่อปี 1969
ภาพลักษณ์ผู้นำของ นาจิบ เสื่อมทรามลงอย่างหนัก หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์เนิลออกมาเปิดโปงเรื่องเงินเกือบ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ถูกทยอยโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของเขาตั้งแต่ปี 2013 โดยไม่ทราบแหล่งที่มา อีกทั้งพบว่าเงินทุนก้อนใหญ่อันตรธานหายไปจากกองทุน 1MDB ที่รัฐบาลของเขาก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2009
รัฐบาลมาเลเซียอธิบายสั้นๆว่า เงินที่เข้ามาในบัญชีนายกฯ เป็น “เงินบริจาคทางการเมือง” จากแหล่งทุนในตะวันออกกลาง แต่ไม่ให้รายละเอียดมากกว่านี้
นาจิบ ยังได้สั่งปลดเจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 คน คือ รองนายกรัฐมนตรี มูห์ยิดดิน ยัสซิน ที่เรียกร้องให้เขาออกมาอธิบายเรื่องกองทุนฉาว และ อับดุล กอนี ปาเตล อัยการสูงสุดซึ่งเป็นคนหนึ่งในทีมสอบสวนคดี 1MDB