เอเอฟพี - คณะกรรมการไต่สวนของรัฐสภามาเลเซียเผยแพร่รายงานวันนี้ (7 เม.ย.) ว่า กองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวที่นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก ก่อตั้งขึ้น ได้มีการเบิกจ่ายเงินจำนวน 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปต่างประเทศโดยปราศจากที่มาที่ไป พร้อมเรียกร้องให้มีการนำตัวอดีตซีอีโอของกองทุนมาสอบสวน
รายงานจากคณะกรรมการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน (Public Accounts Committee - PAC) ถือเป็นครั้งแรกที่กระบวนการไต่สวนอย่างเป็นทางการของมาเลเซียได้บ่งชี้ถึงพฤติกรรมไม่ชอบมาพากล หรือแนะให้ภาครัฐดำเนินการบางอย่างเกี่ยวกับคดีทุจริตกองทุน วัน มาเลเซีย ดีเวลลอปเมนต์ เบอร์ฮัด (1MDB) ที่พัวพันถึงชื่อเสียงของผู้นำเสือเหลือง
นาจิบ ซึ่งตั้งกองทุนแห่งนี้ขึ้นเมื่อปี 2009 ยืนกรานปฏิเสธเรื่องที่ว่าเงินทุนหลายพันล้านดอลลาร์ของ 1MDB ถูกยักย้ายถ่ายโอนไปต่างประเทศ พร้อมย้ำว่าตัวเขาเองและ 1MDB ไม่เคยกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา
อย่างไรก็ตาม PAC ยืนยันว่า มีการเบิกจ่ายเงินกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ออกจากกองทุน 1MDB โดยไม่ผ่านการอนุมัติอย่างถูกต้อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง “ข้อจำกัดและความบกพร่อง” ในการบริหารกองทุนแห่งนี้
“PAC จึงมีความเห็นว่า ชาห์โรล อัซราล อิบรอฮีม ฮัลมี อดีตผู้บริหาร 1MDB ต้องรับผิดชอบต่อข้อจำกัดและความบกพร่องดังกล่าว” รายงานซึ่งมีความยาว 106 หน้ากระดาษ ระบุ
“ด้วยเหตุนี้ จึงขอให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเรียกตัว ชาห์โรล อัซราล อิบรอฮีม ฮัลมี และบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาสอบสวน”
ชาห์โรล เคยดำรงตำแหน่งซีอีโอของกองทุน 1MDB ระหว่างปี 2009-2013
ทั้งนี้ PAC ไม่ได้แนะนำให้ไต่สวนผู้ใดเพิ่มเติมอีก และไม่ได้อ้างไปถึงตัว นาจิบ ด้วย
คดีอื้อฉาวซึ่งพัวพันไปถึงตัวผู้นำสูงสุดของมาเลเซียเริ่มเป็นข่าวคึกโครมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2015 เมื่อหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลในสหรัฐฯ ออกมาตีแผ่เรื่องเงินสดเกือบ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ถูกโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของ นาจิบ โดยไม่ทราบที่มา และคาดคะเนว่าจะเป็นเงินที่ถูกดึงไปจากกองทุน 1MDB
เมื่อต้นปีนี้ อัยการสูงสุดมาเลเซียประกาศยืนยันว่า เงินสดจำนวน 681 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ไปโผล่อยู่ในบัญชีส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี นาจิบ เป็น “เงินบริจาค” จากราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย ทว่าชาวมาเลเซียส่วนใหญ่รับไม่ได้กับข้อสรุปนี้ โดยเชื่อว่าเป็นความพยายามฟอกขาวเพื่อช่วยให้นายกฯ รอดจากการถูกดำเนินคดีมากกว่า
นาจิบ วัย 62 ปี ยืนกรานแก้ต่างให้ตนเองมาตลอด โดยอ้างว่าข้อกล่าวหาทั้งหมดเป็นแผนของศัตรูทางการเมืองที่ต้องการใส่ความเพื่อล้มรัฐบาล
ทางการสวิตเซอร์แลนด์ได้เปิดเผยเมื่อปลายเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาว่า เงินสดราว 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอาจถูกขโมยออกไปจากกองทุน 1MDB
หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั้งในสวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐฯ สิงคโปร์ ฮ่องกง และอีกหลายประเทศ ได้เข้ามาตรวจสอบธุรกรรมการเงินของกองทุนแห่งนี้ว่าเข้าข่ายฟอกเงิน หรือมีการทุจริตรูปแบบอื่นๆ หรือไม่
นักวิจารณ์ระบุว่า กองทุน 1MDB ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลนาจิบเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจมาเลเซียในระยะยาว ถูกยักยอกเงินมหาศาลผ่านเครือข่ายฉ้อโกงที่โยงใยไปถึงกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง และเกาะเคย์แมน
สัปดาห์ที่แล้ว วอลล์สตรีท เจอร์เนิล ได้อ้างถึงเอกสารที่ระบุว่า นาจิบได้นำเงินในบัญชีธนาคารส่วนตัวไปซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยเป็นมูลค่าถึง 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังจ่ายเงินอีกหลายล้านดอลลาร์ให้แก่นักการเมืองท้องถิ่น ในช่วงก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2013
วอลล์สตรีท รายงานด้วยว่า เงินทุนบางส่วนที่ใช้ในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง “The Wolf of Wall Street” ซึ่งได้นักแสดงหนุ่มชื่อดัง ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ เป็นตัวแสดงนำ อาจเป็นเงินที่ถูกยักยอกมาจากกองทุน 1MDB เนื่องจากบริษัท เรด แกรนิต พิคเจอร์ส ซึ่งให้ทุน 100 ล้านดอลลาร์แก่ทีมสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นบริษัทที่ ริซา อาซีซ บุตรบุญธรรมของนายกฯ นาจิบ ร่วมก่อตั้ง