เอพี/รอยเตอร์ – บริษัทคอมพิวเตอร์สัญชาติอเมริกัน HP ฮิวเล็ต-แพ็คการ์ด (Hewlett-Packard Co) ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้(15)นี้ว่า มีแผนจะลดตำแหน่งงานลงอีก 25,000-30,000 ตำแหน่ง และจะทำให้ทางบริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 2 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งขณะนี้ทาง HP กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการจะแยกเป็น 2 บริษัทภายในปีนี้ เพื่อเปลี่ยนผ่านจากการมุ่งทำธุรกิจในการผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องพรินเตอร์ในตลาดผู้บริโภคอย่างเดียว แต่ทาง HP ต้องการที่จะขยายกิจการเพื่อเข้าสู่ตลาดให้คำที่ปรึกษาด้านซอฟแวร์และเทคโนโลยีขั้นสูงในการวิเคราะห์ข้อมูลแทน ที่คาดว่าจะทำให้บริษัทมีการเติบโต และมีผลประกอบการมากขึ้น
บริษัท HP ฮิวเล็ต-แพ็คการ์ด(Hewlett-Packard Co) ออกแถลงการณ์ในวันอังคาร(15)ที่ผ่านมา แถลงถึงแผนปลดคนงานลง 25,000-30,000 ตำแหน่ง ซึ่งเอพีรายงานเมื่อวานนี้(15)ว่า และจากการประกาศนี้จะทำให้ 10-12% ของพนักงานจำนวนทั้งหมด 252,000 คนที่ยังคงทำงานให้กับ HP ต้องถูกให้ออกจากงาน และจะทำให้ทางบริษัทผลิตคอมพิวเตอร์และพรินเตอร์ยักษ์ใหญ่สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 2 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
และรอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า การประการปลดพนักงานออกในครั้งนี้ คาดว่าจะเกิดขึ้นทั่วโลก จากการแถลงการณ์ของทางบริษัท แต่ทว่าทาง HP ไม่ได้ระบุว่าจะเกิดขึ้นที่ใดบ้าง
เอพีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า แต่อย่างไรก็ตามจะยังคงมีพนักงานร่วม 50,000 คน ที่ยังคงทำงานให้กับบริษัท HP Inc ที่จะเป็นชื่อใหม่ของบริษัทที่ยังคงดำเนินการต่อในการผลิตคอมพิวเตอร์และเครื่องพรินเตอร์
โดยเอพีชี้ว่า แผนการประกาศเลิกจ้างนั้นเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการรัดเข็มขัดที่ทาง HP ได้ใช้มาเป็นเวลาหลายปีเพื่อแก้ไขตัวเลขการขาดทุนด้านผลประกอบการของบริษัท เพราะหลังจากเทคโนโลยีความก้าวหน้าเติบโตเกิดขึ้นเฉพาะในตลาดอุปกรณ์พกพาในขณะนี้มากกว่าตลาดคอมพิวเตอร์พีซีที่ทาง HP ทำอยู่ในปัจจุบัน และทำให้บริษัทสูญเสียรายได้มหาศาลจากการหันเหความสนใจของผู้บริโภค
และก่อนหน้านี้ HP ได้เคยประกาศลดการจ้างงานลงถึง 55,000 ตำแหน่งในช่วงเวลาไม่กี่ปีภายใต้การบริหารของ ซีอีโอ เม็ก ไวท์แมน (Meg Whitman) ที่จะดำรงตำแหน่งผู้บริหารคนใหม่ของ HP เอนเตอร์ไพรซ์(HPE) ที่จะมีการจัดตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งแยกออกมาจากบริษัทเดิม
และเอพียังชี้ต่อว่า การประกาศการเลิกจ้างนี้แสดงให้เห็นว่า HP ตกที่นั่งลำบากมากเพียงใด เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทคอมพิวเตอร์อื่นๆที่มีผลประกอบการดีกว่า และฉกฉวยโอกาสเทรนด์โมบายเทคโนโลยีที่กำลังเฟื่องฟูในเวลานี้ในการประกาศเพิ่มการจ้างงาน
โดยเอพีได้ให้ตัวอย่างเช่น บริษัทเสิร์ชเอนจินชื่อดังที่ไม่ได้มีธุรกิจเพียงแค่การให้บริการหาข้อมูลทางอินเตอร์เนต “กูเกิล” มีการว่าจ้างเพิ่มขึ้นโดยมีพนักงานในสังกัดถึง 25,000 คน หรือ 77% ภายในช่วงเพียงแค่ 4 ปีที่ผ่านมา
และภายใต้การนำของไวท์แมนในบริษัท HP เอนเตอร์ไพรซ์ (HPE) ที่จะก่อตั้งใหม่ในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ พบว่า HPE บริษัทใหม่มีเป้าหมายในธุรกิจระดับบริษัทและหน่วยงานภาครัฐเป็นหลัก ในขณะที่ HP Inc จะยังคงดำเนินธุรกิจผลิตคอมพิวเตอร์และเครื่องพรินเตอร์ต่อไป เหมือนเมื่อครั้งที่ วิลเลียม ฮิวเล็ต (William Hewlett) และ เดวิด แพ็คการ์ด (David Packard) ก่อตั้ง HP ฮิวเล็ต-แพ็คการ์ด ที่ได้ถือกำเนิดขึ้นในโรงรถที่เมืองพาโล อัลโต (Palo Alto) รัฐแคลิฟอร์เนีย 76 ปี ก่อนหน้านี้ และเป็นที่มาของ “HP WAY” ในเวลาต่อมา
ซึ่งไวท์แมนเชื่อว่า นโยบายเช่นนี้จะสามารถทำให้ HP กลับมาผงาดได้อีกครั้ง “ฮิวเล็ต แพ็คการ์ด เอนเตอร์ไพรซ์จะเล็กลง แต่จะมุ่งมั่นมากกว่า HP ในปัจจุบัน” ไวท์แมนให้คำมั่นผ่านแถลงการณ์ในวันอังคาร(15)
อย่างไรก็ตาม ชาร์ลส คิง (Charles King) ประธานและผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์บริษัทที่ปรึกษา Pund-IT ในซิลิคอนแวลลีย์ กลับไม่คิดเช่นนั้น โดยเขาให้ความเห็นกับรอยเตอร์ในเรื่องการประกาศเลิกจ้างของ HP ว่า “เมื่อมองจากตัวเลขการประกาศปลดคนงานออกจะพบว่ามีจำนวนสูงกว่าที่ใครหลายคนเคยคาดไว้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า HP ในขณะนี้อยู่ในสภาพย่ำแย่ขนาดไหน”
และประธาน Pund-IT ยังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “ผมไม่ค่อยเชื่อมั่นว่านี่จะเป็นตัวเลขสุดท้ายที่ทาง HP ต้องประกาศการเลิกจ้าง” โดยคิงให้ความเห็นไปในทิศทางที่ว่า เขาเชื่อมั่นว่าทาง HP จะต้องประกาศการเลิกจ้างงานออกมาอีกในภายหลัง และรวมไปถึงการโยกย้ายผู้คนและตำแหน่งงานไปจนถึงเข้าสู่ปี 2016
ซึ่งรอยเตอร์ชี้ว่า HP ได้เคยออกแถลงการณ์ประกาศที่จะย้ายคนงานของบริษัทไปยังสถานที่ทำงานที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า ซึ่งแผนการนี้อยู่ในส่วนของนโยบายลดต้นทุนของทางบริษัท โดยในงบดุลประจำปี 2013 HP ได้ระบุว่า 36% ของพนักงานบริษัททั้งหมดในยูนิตของ HPE ที่รู้จักในนาม “เอนเตอร์ไพรซ์ เซอร์วิซ” ต้องย้ายไปทำงานในที่ตั้งที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ
และในปี 2015 พบว่า 42% ของแผนกเอนเตอร์ไพรซ์ เซอร์วิซ ได้ย้ายไปทำงานในสถานที่มีค่าใช้จ่ายต่ำเช่นเดียวกัน โดยทางผู้บริหารของ HP มีเป้าหมายจะทำให้ได้สำเร็จถึง 60% ภายในปี 2018