ศูนย์ข่าวศรีราชา - ประธาน กก.ตร.สภ.ศรีราชา หวั่นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น อาจทำให้การลงทุนภาคอุตสาหกรรมช่วงปลายปีในภาคตะวันออกชะงัก ถึงขั้นปลดคนงานในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จำนวนมาก ส่วนธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่เฟื่องฟู อาจต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด
นายกิตติศักดิ์ กิจโชคเจริญสกุล ประธาน กก.ตร.สภ.ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เผยว่า ในฐานะที่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นเวลานาน ทำให้พบว่า ในวันนี้เมืองศรีราชา ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่น เนื่องจากมีจุดขายสำคัญด้านการมีสิ่งแวดล้อมที่ดีจากการเป็นเมืองติดทะเล จนได้รับการขนานนามว่า “ลิตเติ้ล โอซากา ”
นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลชั้นนำ สถาบันการศึกษาของเด็กญี่ปุ่น ร้านอาหาร สถานบันเทิง และที่อยู่อาศัยที่สามารถรองรับการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดีแล้ว
การมีนิคมอุตสาหกรรมอยู่รายล้อม ยังทำให้ในวันนี้จำนวนชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาอาศัยอยู่ในที่เขตเทศบาลเมืองศรีราชา มีไม่น้อยกว่า 8 พันคน
ผลดีจากการที่เมืองศรีราชามีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาที่ดินโดยเฉพาะเขตเทศบาลเมืองศรีราชา ช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา มีการขยับตัวสูงอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบัน ยังมีราคาสูงถึงตารางวาละ 3 แสนบาทในจุดที่เป็นทำเลทอง
ขณะที่ภาคธุรกิจไม่ว่าจะเป็นด้านที่พักอาศัย สถาบันเทิง และร้านค้าต่างๆ ก็มีรายได้เติบโต ซึ่งจากการสำรวจค่าใช้จ่ายด้านที่พักของชาวญี่ปุ่นในช่วงหลายปีก่อนพบว่า แต่ละปีชาวญี่ปุ่นใช้จ่ายในเรื่องดังกล่าวไม่น้อยกว่า 2 พันล้านบาท และเมื่อถึงปัจจุบันอัตราค่าใช้จ่ายดังกล่าวน่าจะพุ่งสูงถึง 3-4 พันล้านบาทแล้ว
“ราคาที่ดินในขณะนี้ทำให้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเขตเทศบาลเมืองศรีราชา ต้องหันมาลงทุนในลักษณะแนวสูง แทนแนวราบเพื่อให้คุ้มทุน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ นับจากนี้ไปภาคอสังหาริมทรัพย์ในเขตอำเภอศรีราชา จะได้รับผลกระทบจากการไม่เข้ามาของโรงงานอุตสาหกรรมอีกว่าพันโรง ซึ่งนั่นหมายถึงการเข้ามาของชาวญี่ปุ่นอีกจำนวนหนึ่งในช่วงปลายปีจะต้องชะลอออกไปจากผลกระทบทางเศรษฐกิจในประเทศญี่ปุ่น”
โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ที่ขณะนี้เริ่มพบว่า มีการปรับลดคนงานแล้วหลายพันคน ซึ่งก็จะทำให้ผู้ให้บริการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่ขยายตัวขึ้นมากเพื่อรองรับกลุ่มชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานจะมีอัตราการเข้าพักลดลงเกือบ 50% จากเดิมที่เคยมีอัตราการเข้าพัก 100% เต็ม
นายกิตติศักดิ์ ยังเผยอีกว่า นับจากนี้ธุรกิจในกลุ่มเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์จะต้องหันมาให้ความสำคัญต่อการดูแลด้านความปลอดภัย และงานบริการให้แก่กลุ่มคนญี่ปุ่นมากขึ้น เพราะชาวญี่ปุ่นหากพอใจด้านที่พักแล้วจะไม่เกี่ยงเรื่องราคา ส่วนการเกิดใหม่จำนวนมากของเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ทำให้ชาวญี่ปุ่นมีข้อได้เปรียบด้านตัวเลือก จึงกังวลว่าอาจเกิดการหั่นราคากันเองของผู้ประกอบการจนทำให้เกิดผลกระทบต่อภาคธุรกิจ
“สิ่งที่อยากฝากถึงชาวศรีราชา ก็คือ แม้ศรีราชา จะมียุทธศาสตร์ที่ได้เปรียบจากการเป็นเมืองที่ทำมาหากินได้ง่าย จึงทำให้มีประชากรหนาแน่น ผลที่ตามมาคือ ปัญหาด้านการจราจร และอาชญากรรม ดังนั้น ประชาชนต้องไม่ประมาท โดยเฉพาะในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจึง ต้องดูแลตัวเอง และระวังในทรัพย์สินของตนให้มาก
ในส่วนการค้าการลงทุน โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาฯ ที่ขณะนี้มีนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาลงทุนในพื้นที่จำนวนมาก ทุนท้องถิ่นจะต้องปรับยุทธวีธีส่งเสริมการขาย ส่วนห้างเล็กห้างใหญ่ และร้านสะดวกซื้อต้องปรับรูปแบบร้านเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าให้มากที่สุด” นายกิตติศักดิ์ กล่าว