xs
xsm
sm
md
lg

ส่งออกโตไม่เกิน1% ข้าวกระอัก!เจอพิษบาทแข็ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-กกร.ลดเป้าส่งออกเหลือโตไม่เกิน 1% แต่ยังมองโลกในแง่ดีคงGDP โต 3.5% หวังเม็ดเงินงบประมาณลงทุนรัฐและเอกชนช่วงไตรมาส 3-4 การท่องเที่ยวช่วยฟื้นฟู เตรียมตบเท้าถกร่วมหม่อมอุ๋ย 9 เม.ย.หามาตรการเร่งเครื่องศก.ไทย หลังแรงซื้อยังคงถดถอย ขณะเดียวกันนายกฯสมาคมผู้ส่งออกข้าว ระบุข้าวอาการหนัก บาทแข็งทำราคาข้าวไทยแพงขึ้นตันละ 5-10 เหรียญสหรัฐ ผู้ส่งออกวอนรัฐเข้ามาช่วยดูแลด่วน หวั่นผู้ซื้อหันไปซื้อคู่แข่งแทน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือกกร.ที่ประกอบด้วยส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย แถลงผลการประชุมเดือนเมษายน 2558 ว่า กกร.ได้พิจารณาคงเป้าหมายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือ GDP ปี 2558 ไว้ที่ระดับ 3.5% คงเดิมแต่ปรับลดการส่งออกทั้งปีเหลือโตไม่เกิน 1%
จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะโตระดับ 3.5% โดย GDP ที่คงเป้าไว้เนื่องจากแม้ว่าทิศทางส่งออกจะลดลงซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลกแต่ปัจจัยส่งออกเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ GDP ซึ่งพบว่างบประมาณการลงทุนของภาครัฐจะเห็นผลช่วงไตรมาส 3- 4 ขณะที่การท่องเที่ยวที่โต 29% จะเป็นปัจจัยหลักฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย
“ แม้ว่าการท่องเที่ยวจะมีปัญหาเรื่ององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศไทยหรือไอซีเอไอเป็นปัญหาระยะสั้น ยังเชื่อมั่นว่าตลอดปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยไม่ต่ำกว่า 28 ล้านคน งบประมาณรัฐที่มีการเบิกจ่ายก็น่าจะเห็นผลและเอกชนก็จะมีการลงทุนตามมากกร.จึงมอง GDP ยังเป็นภาพบวกอยู่ ส่วนส่งออก 2
เดือนที่ต่ำและแนวโน้มส่งออกหลายประเทศก็ยังไม่ฟื้นตัวยกเว้นสหรัฐอเมริกาจึงยังมีแนวโน้มไม่สู้ดี”นายสุพันธุ์กล่าว
อย่างไรก็ตามวันที่ 9 เม.ย.นี้ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีได้เรียกภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องไปหารือถึงแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจและการผลักดันการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งขณะนี้กกร.ได้ร่วมกันผลักดันเพื่อคัดเลือกกลุ่มหรือ Cluster อุตสาหกรรมที่มีอนาคตและมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มได้โดยจัดทำเป็นลักษณะ Value Chain ของCluster เพื่อคัดเลือกในการส่งเสริมฯเร่งด่วนในปีนี้เช่น ท่องเที่ยวบริการเชิงสุขภาพ เกษตรและอาหาร ยางและไม้ยางพารา เป็นต้น
“ การหารือต้องการให้ภาครัฐเร่งลดขั้นตอนทำงานต่างๆ ที่จะสอดรับกับความต้องการของธุรกิจ และขณะนี้เองก็เป็นห่วงเรื่องงบประมาณขนาดกลางตั้งแต่ 5-20 ล้านบาท ที่ยังล่าช้ามากเพราะราชการไม่กล้าดำเนินการกลัวปัญหาเรื่องทุจริตทั้งที่งบประมาณนี้ควรจะเร็วและจะสามารถกระจายรายได้ในภูมิภาคก็จะกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในต่างจังหวัด
ซึ่งกำลังซื้อเวลานี้ดูจากยอดขายรถมอเตอร์โชว์เองก็ต่ำกว่าเป้าหมายมากก็ชี้ให้เห็นว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคถดถอยและสิ่งสำคัญมาจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากส่วนนี้ก็ลดลงทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ส่วนสัญญาณการปลดคนงานออกยังไม่มีในภาคอุตสาหกรรมขนาดกลางและใหญ่แต่อาจมีการชะลอจ่ายเงินล่วงเวลาหรือ โอทีไปบ้าง ”นายสุพันธุ์กล่าว
**บาทแข็งทุบส่งออกข้าวไทยรูด**
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ปัญหาเงินบาทแข็งค่าได้เริ่มส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวของไทย โดยเงินบาทได้แข็งค่ามาอยู่ที่ประมาณ 32 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จากเดิมประมาณ 32.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จึงทำให้ราคาข้าวไทยเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งสูงขึ้น 5-10 เหรียญสหรัฐต่อตัน
และได้ส่งผลให้ศักยภาพในการแข่งขันของข้าวไทยกับคู่แข่งลดลง จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาช่วยดูแลค่าเงินบาทอย่างเร่งด่วน
“อยู่ๆ เงินบาทก็แข็งค่าขึ้นมาก ทำให้ราคาข้าวไทยแพงกว่าคู่แข่ง 5-10 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งเป็นเหตุผลให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อข้าวจากคู่แข่งได้ง่ายๆ เพราะส่วนต่างตรงนี้ แล้วในปัจจุบัน ราคาข้าวไทยก็ต่ำอยู่แล้ว หากต้องมาแข่งขันด้านราคาอีก ก็จะยิ่งทำให้เสียเปรียบมาก เพราะข้าวไทยมีกำไรต่ำอยู่แล้ว”ร.ต.ท.เจริญกล่าว
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การส่งออกข้าวไทยในปี 2558 อาจจะทำได้ไม่ถึง 10 ล้านตัน ตามเป้าหมายที่สมาคมฯ ตั้งไว้ เพราะขณะนี้ข้าวไทยเผชิญปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน โดยเฉพาะปัญหาเงินบาทแข็งค่า ขณะที่ค่าเงินของคู่แข่งไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเวียดนามที่รัฐบาลยังคงช่วยรักษาระดับค่าเงินให้คงที่ทำให้ข้าวไทยแพงกว่าคู่แข่ง
ทั้งนี้ ยังพบว่าตลาดผู้ซื้อข้าวซบเซา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่ดี โดยเฉพาะตลาดแอฟริกาที่เป็นตลาดส่งออกข้าวนึ่งหลักของไทย เนื่องจากค่าเงินของกลุ่มประเทศในภูมิภาคแอฟริกาที่ผูกติดกับค่าเงินยูโร มีแนวโน้มค่าเงินลดลง ทำให้ประเทศในตลาดแอฟริกาหันไปซื้อข้าวจากประเทศที่มีราคาถูกกว่าข้าวไทย เช่น ปากีสถาน อีกทั้งตลาดหลักคือประเทศไนจีเรียมีการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งใช้นโยบายที่จะลดการนำเข้าข้าวและหันมาปลูกข้าวเพื่อพึ่งพาตัวเองมากขึ้น ก็จะส่งผลให้มีการนำเข้าข้าวจากไทยลดลง
กำลังโหลดความคิดเห็น