ผู้ส่งออกผนึกโรงสี ค้านเปิดประมูลข้าวช่วงนี้ หลังราคาข้าวร่วงหนัก ทั้งข้าวเปลือกและข้าวสาร เหตุผลผลิตข้าวนาปรังออกสู่ตลาด คำสั่งซื้อไม่เข้า และคู่แข่งตัดราคา “พาณิชย์”เตรียมประเมินก่อนชง นบข. พิจารณา 30 มี.ค.นี้
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า รัฐบาลควรชะลอการระบายข้าวในสต๊อกออกไปก่อน เพราะขณะนี้เป็นช่วงเวลาไม่เหมาะสมที่จะมีการระบาย เนื่องจากผลผลิตข้าวนาปรังกำลังทยอยออกสู่ตลาด และความต้องการซื้อข้าวจากตลาดต่างประเทศลดลง ส่งผลทำให้ราคาข้าวทั้งข้าวเปลือกและข้าวส่งออกลดลงตามไปด้วย โดยราคาข้าวเปลือกเจ้าเฉลี่ยตันละ 7,500 บาท ลดลงจากตันละ 8,000 บาท ข้าวสาร 5% ตันละ 1.18 หมื่นบาท ลดลงจากตันละ 1.22 หมื่นบาท
“หากรัฐบาลมีการระบายข้าวออกมาในช่วงนี้ จะกลายเป็นแรงกดดันทำให้ราคาลดลงไปอีก เพราะยังไม่คำสั่งซื้อต่างประเทศมารองรับ และยังมีผลกับผู้ที่ผ่านการอนุมัติซื้อข้าวใน 2 ครั้งแรก จะกลายเป็นซื้อข้าวในราคาที่สูงทันที ซึ่งจะส่งผลให้การประมูลครั้งต่อๆ ไป ผู้ซื้อจะไม่อยากเข้าร่วมประมูลอีก โดยขอให้รอดูสถานการณ์อีก 1 เดือน จึงสรุปว่าควรดำเนินการระบายต่อหรือไม่”นายชูเกียรติกล่าว
สำหรับสาเหตุที่คำสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศลดลง เพราะตลาดใหญ่ ได้แก่ แอฟริกาที่มีสัดส่วนซื้อข้าวจากไทยถึง 60% ได้ชะลอการสั่งซื้อ เนื่องจากค่าเงินยูโรอ่อน ทำให้ราคาสินค้านำเข้าสูงขึ้น
นายมานัส กิจประเสริฐ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ราคาข้าวในขณะนี้ ได้ปรับตัวลดลง โดยข้าวเปลือกอยู่ที่ตันละ 7,800-7,900 บาท ข้าวสาร โดยเฉพาะข้าวขาว 5% จากราคาตันละ 1.23 หมื่นบาท ลดลงมาเหลืออยู่ที่ตันละ 1.16 หมื่นบาท เนื่องจากผลผลิตข้าวเริ่มออกสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับอัตราค่าเงินบาทแข็งค่า รวมทั้งเวียดนาม ปากีสถาน มีการแข่งขันด้านราคาส่งผลให้ราคาข้าวของไทยปรับตัวลดลง โดยลดต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ในวันที่ 26 มี.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการระบายข้าว เพื่อพิจารณาว่ารัฐบาลจะเดินหน้าเปิดระบายข้าวสต๊อก ครั้งที่ 3/2558 หรือไม่ โดยจะประเมินจากปัจจัยต่างๆ เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 30 มี.ค. เพื่อพิจารณาตัดสินต่อไป
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า รัฐบาลควรชะลอการระบายข้าวในสต๊อกออกไปก่อน เพราะขณะนี้เป็นช่วงเวลาไม่เหมาะสมที่จะมีการระบาย เนื่องจากผลผลิตข้าวนาปรังกำลังทยอยออกสู่ตลาด และความต้องการซื้อข้าวจากตลาดต่างประเทศลดลง ส่งผลทำให้ราคาข้าวทั้งข้าวเปลือกและข้าวส่งออกลดลงตามไปด้วย โดยราคาข้าวเปลือกเจ้าเฉลี่ยตันละ 7,500 บาท ลดลงจากตันละ 8,000 บาท ข้าวสาร 5% ตันละ 1.18 หมื่นบาท ลดลงจากตันละ 1.22 หมื่นบาท
“หากรัฐบาลมีการระบายข้าวออกมาในช่วงนี้ จะกลายเป็นแรงกดดันทำให้ราคาลดลงไปอีก เพราะยังไม่คำสั่งซื้อต่างประเทศมารองรับ และยังมีผลกับผู้ที่ผ่านการอนุมัติซื้อข้าวใน 2 ครั้งแรก จะกลายเป็นซื้อข้าวในราคาที่สูงทันที ซึ่งจะส่งผลให้การประมูลครั้งต่อๆ ไป ผู้ซื้อจะไม่อยากเข้าร่วมประมูลอีก โดยขอให้รอดูสถานการณ์อีก 1 เดือน จึงสรุปว่าควรดำเนินการระบายต่อหรือไม่”นายชูเกียรติกล่าว
สำหรับสาเหตุที่คำสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศลดลง เพราะตลาดใหญ่ ได้แก่ แอฟริกาที่มีสัดส่วนซื้อข้าวจากไทยถึง 60% ได้ชะลอการสั่งซื้อ เนื่องจากค่าเงินยูโรอ่อน ทำให้ราคาสินค้านำเข้าสูงขึ้น
นายมานัส กิจประเสริฐ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ราคาข้าวในขณะนี้ ได้ปรับตัวลดลง โดยข้าวเปลือกอยู่ที่ตันละ 7,800-7,900 บาท ข้าวสาร โดยเฉพาะข้าวขาว 5% จากราคาตันละ 1.23 หมื่นบาท ลดลงมาเหลืออยู่ที่ตันละ 1.16 หมื่นบาท เนื่องจากผลผลิตข้าวเริ่มออกสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับอัตราค่าเงินบาทแข็งค่า รวมทั้งเวียดนาม ปากีสถาน มีการแข่งขันด้านราคาส่งผลให้ราคาข้าวของไทยปรับตัวลดลง โดยลดต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ในวันที่ 26 มี.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการระบายข้าว เพื่อพิจารณาว่ารัฐบาลจะเดินหน้าเปิดระบายข้าวสต๊อก ครั้งที่ 3/2558 หรือไม่ โดยจะประเมินจากปัจจัยต่างๆ เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 30 มี.ค. เพื่อพิจารณาตัดสินต่อไป
