xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐกิจโลกทรุดยังไม่กระทบภาคอุตสาหกรรมแปดริ้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ฉะเชิงเทรา - เศรษฐกิจโลกทรุดหลังนักลงทุนเทขายหุ้นทิ้งครั้งมโหฬาร ยังไม่ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมย่านเมืองแปดริ้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ผลิตชั้นส่วนยานยนต์ ขณะที่ผ่านมา ผลกระทบจากเศรษฐกิจภายในประเทศทำยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลดลงกว่าร้อยละ 20 ด้านผู้ประกอบการเผยปรับตัวร่วมกันในองค์กรเตรียมรับมือเพื่อให้ยืนอยู่ต่อได้ แต่ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

วันนี้ (27 ส.ค.) นายบัญชา นีซัง ผู้ประกอบการโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวถึงสถานการณ์สภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังส่งผลกระทบกระจายออกไปเป็นวงกว้าง หลังนักลงทุนแห่เทขายหุ้นทิ้งครั้งมโหฬารนั้นว่า ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อภาคอุตสาหกรรมของไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา

แต่ที่ผ่านมานั้นปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศเราเองนั้นได้ชะลอตัวลงมาก่อนหน้านี้แล้ว นับตั้งแต่เมื่อช่วงเดือน เม.ย.58 ที่ผ่านมา และส่งผลกระทบต่อยอดขายของผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ลงไปบ้างแล้วร้อยละ 20 แต่ยังไม่ส่งผลกระทบถึงขั้นที่ผู้ประกอบการต้องปรับลด หรือปลดคนงาน เลิกจ้างแรงงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งผู้ประกอบการนั้นได้ปรับตัวกันเองภายในองค์กร ด้วยการลดชั่วโมงการทำงานล่วงเวลา (โอที) ลงมาบ้างเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการยังได้ใช้วิธีการติดตามข่าวสารทางด้านเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทราบทิศทางของการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับการทำความเข้าใจแจ้งต่อพนักงานเพื่อให้ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงเป็นระยะในทุกๆ สัปดาห์ เพื่อให้คนในองค์กรรู้ถึงความเป็นไปของสถานการณ์ และพร้อมที่จะปรับตัวอยู่รอดร่วมกันกับผู้ประกอบการโดยตลอด

นอกจากนี้ ยังได้มีการแนะนำให้พนักงานได้รู้จักปรับตัว รู้จักประหยัดการใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็นลงเพื่อให้ทุกคนนั้นอยู่รอด พร้อมที่จะเดินฝ่าวิกฤตต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นไปด้วยกันได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในช่วง 4 เดือนสุดท้ายปลายปีระหว่างเดือน ก.ย.-ธ.ค.58 นี้ เศรษฐกิจภายในประเทศน่าจะดีขึ้นจากปัจจัยด้านความต้องการของผู้บริโภคที่มีรายได้จากเงินโบนัสออก หรือได้รับผลกำไรในช่วงปลายปี ก็อาจจะมีกำลังซื้อกลับเข้ามาในตลาดของผู้บริโภคได้อีก

ส่วนผลกระทบในด้านอื่นๆ อาจเกิดขึ้นในกลุ่มของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และภาคการส่งออกนั้นอาจจะชะลอตัวลงมาบ้าง หรือลดลงประมาณร้อยละ 30 สาเหตุมาจากเป็นองค์กรขนาดใหญ่ และต้องแบกรับภาระค่าแรงงานที่แพงเพราะมีคนจำนวนมาก ซึ่งบางส่วนนั้นอาจจะมีการปลดแรงงานในกลุ่มของเอาต์ซอร์สออกไปบ้างเพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งผลกระทบในขณะนี้ก็น่าจะไปตกอยู่กับกลุ่มคนงานที่ไม่ใช่บริษัทจ้างตรง หรือแรงงานต่างด้าว
กำลังโหลดความคิดเห็น