เอพี//เอเอฟพี/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นิโคลัส มาดูโร ประกาศขยายเวลาการปิดจุดข้ามพรมแดนหลักในรัฐตาชีรา (Tachira) เข้าโคลอมเบียออกไปไม่มีกำหนด หลังจากก่อนหน้านี้สั่งปิด 72 ชม.หลังจากทหารเวเนซุเอลา 3 นายเสียชีวิตในระหว่างลาดตระเวนสกัดแก๊งลักลอบนำเข้าของเถื่อน และสั่งประกาศภาวะฉุกเฉิน 60 วันในรัฐตะวันตก ด้านกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามโจมตี อ้างเป็นการกระทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากเศรษฐกิจที่กำลังหายนะ ด้านประธานาธิบดีโคลอมเบีย ฮวน มานูเอล ซานโตส (Juan Manuel Santos) ได้ร้องขอเมื่อวานนี้ (22 ส.ค.) ให้เร่งกลับมาเปิดจุดข้ามแดนอีกครั้ง
เอพีรายงานเมื่อวานนี้ว่า หลังจากการเสียชีวิตของกลุ่มทหารเวเนซุเอลา 3 นายในเส้นทางลาดตระเวนสกัดกลุ่มลักลอบขนของเถื่อน ทำให้ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นิโคลัส มาดูโร ประกาศปิดด่านข้ามพรมแดนที่สำคัญข้ามไปยังโคลอมเบียในรัฐตาชีรา (Tachira) ทันที พร้อมออกคำสั่งให้ทหารจำนวนหลายร้อยนายออกปฏิบัติการ
ในคืนวันศุกร์ (21) มาดูโรออกแถลงการณ์ชี้แจงว่าด่านข้ามแดนสะพานไซมอน อินเตอร์เนชันแนล (the Simon Bolivar international bridge) จะยังคงปิดต่อไปจนกระทั่งเวเนซุเอลาจะสามารถจับตัวผู้มีส่วนในการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่เหล่านั้นได้
นอกจากนี้ มาดูโรยังชี้แจงว่า การขยายเวลาประกาศภาวะฉุกเฉินออกไปเป็นเวลา 60 วันจะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานให้กับเจ้าหน้าที่ในการจับตัวคนร้ายที่ลอยนวลอยู่ในบริเวณยาวตลอดแนวพรมแดนที่ไม่สงบได้
ทั้งนี้ เอพีรายงานว่า ความยาวของพรมแดนร่วม 2,200 กม.ระหว่างเวเนซุเอลาและโคลอมเบียนั้นไม่มีความสงบเนื่องมาจากการปะทะที่ยืดเยื้ออย่างยาวนานในโคลอมเบียลุกลามข้ามเข้ามาในฝั่งเวเนซุเอลา และยังมีกลุ่มลักลอบค้ายาเสพติดออกปฏิบัติการอยู่ในบริเวณนี้ และในปัจจุบันบริเวณตลอดแนวพรมแดนยังมีกลุ่มลักลอบขนสินค้าผิดกฎหมายจากโคลอมเบียเข้าไปยังเวเนซุเอลาที่กำลังอยู่ในสภาพขาดแคลนสินค้าปัจจัยหลักอย่างหนัก
และในแถลงการณ์ผ่านหน้าจอโทรทัศน์ในช่วงคืนวันศุกร์ (21) ผู้นำเวเนซุเอลากล่าวอย่างขึงขังว่า “ในขณะนี้ทางรัฐบาลเวเนซุเอลาได้ค้นพบความน่าสะพรึงกลังของความจริงและปฏิบัติการกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งผมได้รับอำนาจทำให้เวเนซุเอลาปลอดจากสิ่งเหล่านี้”
แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามได้ออกโรงประณามการเคลื่อนไหวของมาดูโรในทันที โดยอ้างว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนจากสภาพปัญหาเศรษฐกิจของประเทศที่อยู่ในช่วงสาหัส
โดยในแถลงการณ์ของพรรคฝ่ายค้านเวเนซุเอลา the Democratic Unity Alliance เรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติต่างยื่นมือมาให้ความสนใจในสิ่งที่ถือเป็นการยั่วยุอย่างโจ่งแจ้งในการกระจายการสูญเสียทางเศรษฐกิจ และทำให้การเลือกตั้งเสี่ยงภัยด้วยการจัดการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนธันวาคม
“ประกาศภาวะฉุกเฉินนั้นเป็นเวลาเพียงแค่ 109 วันก่อนที่จะมีการจัดเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรครั้งใหญ่ อาจถูกใช้เป็นช่องทางสำหรับรัฐบาลเวเนซุเอลาเพื่อหลบเลี่ยงความพ่ายแพ้” รายงานจากแถลงการณ์ของพรรคเวเนซุเอลา the Democratic Unity Alliance
เอพียังรายงานเพิ่มเติมว่า ในมาตรการการปราบปรามลักลอบขนสินค้าเถื่อนของเวเนซุเอลา ในปีนี้ทางรัฐบาลมาดูโรได้สั่งปิดพรมแดนในรัฐตาชีรา ในเวลากลางคืน ส่งกองกำลังความมั่นคงเข้าไปลาดตระเวนเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มบทลงโทษจำคุกการลักลอบขนสินค้าหนีภาษีให้หนักมากยิ่งขึ้น และยังได้สั่งการให้นำเครื่องสแกนรายนิ้วมือติดตั้งในทุกร้านขายสินค้าปลีกเพื่อควบคุมการกักตุนสินค้าของผู้บริโภคที่ได้จับจ่ายในแต่ละราย
เวเนซุเอลาได้ออกแถลงว่า สามารถจับกุมผู้ทำผิดในกระบวนการลักลอบนำเข้าของผิดกฎหมายได้รวมทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 6,000 คนในช่วงปีที่ผ่านมา และสามารถยึดสินค้าหนีภาษีได้มากถึง 28,000 ตันในปฏิบัติการกวาดลักกลุ่มลักลอบขนสินค้าหนีภาษีข้ามพรมแดนในปี 2014
ล่าสุดในวันเสาร์ (22) ประธานาธิบดีโคลอมเบีย ฮวน มานูเอล ซานโตส (Juan Manuel Santos) ได้ร้องขอให้มาดูโรเร่งเปิดจุดข้ามแดนอีกครั้งโดยกล่าวว่า “หากเรื่องการปิดพรมแดนเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับความมั่นคงจริง ไม่ควรที่จะต้องปิดพรมแดน แต่ควรที่จะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่โคลอมเบียมากกว่า
แต่อย่างไรก็ตาม ทางมาดูโรจะยังไม่เปิดพรมแดน โดยกล่าวว่า “จนกว่าการโจมตีเศรษฐกิจเวเนซุเอลาออกมาจากฝั่งโคลอมเบียจะหยุดเสียก่อน” เอเอฟพีรายงาน
ทั้งนี้ ซานโตสเห็นว่า ทั้งโคลอมเบียและเวเนซุเอลาต่างมีจุดมุ่งหมายอย่างเดียวกันในการกำจัดกลุ่มอาชญากรรมดังนั้น ในความเห็นของเขาทั้งสองประเทศเห็นควรร่วมมือ
และล่าสุดเมื่อวานนี้ (22) ผู้ว่าการรัฐตาชีรา ได้ออกแถลงว่าสามารถจับกุมสมาชิกกลุ่มติดอาวุธที่ต้องสงสัยได้ 8 คน ซึ่งอาจมีบางส่วนเกี่ยวข้องในการโจมตีเมื่อวันพุธ (19) และยังจะขับพลเมืองโคลอมเบียจำนวน 185 คนที่ไม่มีพาสปอร์ตออกนอกเวเนซุเอลา