เอเอฟพี – คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติเอกฉันท์สนับสนุนแผนเจรจาสันติภาพซีเรียวานนี้ (17 ส.ค.) หลังกองทัพประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด โจมตีทางอากาศใส่ย่านพลเรือนใกล้กรุงดามัสกัส จนมีผู้เสียชีวิตเกือบ 100 คน
อเล็กซิส ลาเม็ก รองเอกอัครราชทูตผู้แทนฝรั่งเศสประจำองค์การสหประชาชาติ ยอมรับว่า การที่สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงทุกประเทศให้การสนับสนุนร่างมติลักษณะนี้อย่างเป็นเอกฉันท์ครั้งแรกในรอบ 2 ปี ถือเป็นความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์
ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ยูเอ็นได้แถลงประณามการโจมตีทางอากาศที่เมืองดูมาโดยกองทัพอัสซาด ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์นองเลือดที่สุดครั้งหนึ่งในสงครามกลางเมืองซีเรียซึ่งยึดเยื้อมาแล้ว 4 ปี
ร่างมติของคณะมนตรีความมั่นคงซึ่งเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองเพื่อยุติความขัดแย้งที่คร่าชีวิตประชาชนชาวซีเรียไปแล้ว 240,000 คน ได้รับการโหวตสนับสนุนจากรัสเซียซึ่งเป็นมิตรที่เหนียวแน่นของอัสซาด รวมไปถึงสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงอีก 14 ชาติ
ยูเอ็นได้เสนอแนวทาง 16 ประการเพื่อสนับสนุนแผนริเริ่มสันติภาพที่จะเริ่มต้นขึ้นในเดือนกันยายนนี้ โดยจะมีการจัดตั้งคณะทำงาน 4 ชุดเพื่อดูแลในด้านความปลอดภัยและการปกป้อง, การต่อต้านก่อการร้าย, การเมืองและกฎหมาย และการฟื้นฟูประเทศ
คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นยังวิงวอนให้ทุกฝ่ายช่วยกันยุติสงคราม โดย “ริเริ่มกระบวนการทางการเมืองที่มีชาวซีเรียเป็นผู้นำ เพื่อไปสู่การผ่องถ่ายอำนาจที่ตรงกับความปรารถนาอันชอบธรรมของประชาชนชาวซีเรีย”
ร่างมตินี้ไม่ได้ระบุชัดเจนถึงอนาคตของผู้นำซีเรีย แต่รัฐบาลตะวันตกเคยยืนกรานไว้ว่า ขั้นตอนเปลี่ยนผ่านจะต้องรวมถึงการสละอำนาจของ อัสซาด ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งด้วย
เวเนซุเอลาซึ่งมีสายสัมพันธ์ที่ดีอยู่กับซีเรียได้ขอออกตัวไม่สนับสนุนข้อความบางตอนในร่างมติของยูเอ็น
ข้อมูลจากศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียซึ่งมีฐานอยู่ในอังกฤษ ระบุว่า การโจมตีทางอากาศใส่ตลาดและย่านชุมชนในเมืองดูมาเมื่อวันอาทิตย์ (16) ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 96 ราย บาดเจ็บอีก 240 ราย
เมื่อ 2 ปีที่แล้ว พื้นที่บริเวณนี้ก็เคยถูกโจมตีด้วยอาวุธเคมีจนมีคนตายนับพันคน ซึ่งนานาชาติกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือทหารที่ภักดีกับอัสซาด
สตาฟเฟน เด มิสตูรา ผู้แทนซีเรียประจำยูเอ็น ระบุว่า การเข่นฆ่าพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่เมืองดูมา “ไม่อาจยอมรับได้ในทุกสถานการณ์” ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จอห์น เคอร์บีย์ ก็ประณามรัฐบาลซีเรียว่าโหดร้าย และ “ไม่เห็นแก่ชีวิตมนุษย์”