เอเอฟพี – รัฐบาลอินเดียกำลังเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินเกือบ 100 ล้านดอลลาร์จากบริษัทเนสท์เล่ฐานประกอบการค้าอย่างไม่เป็นธรรม หลังจากที่หน่วยงานเฝ้าระวังความปลอดภัยทางอาหารได้สั่งห้ามจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยอดนิยมยี่ห้อแม็กกี้ของบริษัทนี้
ในวันนี้ (12) รัฐบาลระบุว่า พวกเขาได้ยื่นคำฟ้องกับศาลสูงสุดแผนกคดีผู้บริโภคของประเทศนี้เรียกค่าเสียหาย 98.6 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,500 ล้านบาท) จากสาขาในอินเดียของบริษัทอาหารยักษ์ใหญ่สัญชาติสวิสแห่งนี้
ในเดือนมิถุนายนหน่วยงานเฝ้าระวังความปลอดภัยทางอาหารของแดนภารตะได้สั่งห้ามการผลิตหรือจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อนี้ในประเทศ หลังจากที่การตรวจสอบโดยบางรัฐพบระดับสารตะกั่วเกินกว่าข้อกำหนดตามกฎหมาย
บริษัทเนสท์เล่ยกเลิกการจำหน่ายสินค้าดังกล่าวในอินเดียแต่ยังคงขายมันต่อไปในประเทศอื่นๆ และปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวมาโดยตลอด
จี.กูร์ชารัน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกิจการผู้บริโภค บอกกับเอเอฟพีว่า “เราได้ยื่นคำฟ้องดังกล่าวกับคณะกรรมการแก้ไขข้อพิพาทของผู้บริโภคแห่งชาติ (NCDRC) เมื่อวานนี้ และได้เรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินราว 6,400 ล้านรูปี”
“คำฟ้องของเราเกี่ยวกับประเด็นการประกอบการค้าอย่างไม่เป็นธรรมของพวกเขา และในตอนนี้ศาลจะออกหนังสือเพื่อเรียกให้พวกเขามาชี้แจง” กูร์ชารัน กล่าวเสริม
โฆษกของบริษัทเนสท์เล่อินเดียระบุว่า ทางบริษัทยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับคำฟ้องดังกล่าวที่ยื่นกับ NCDRC หน่วยงานกึ่งศาลที่มีอำนาจปรับเงินบริษัทต่างๆ
“เราจะสามารถให้ความคิดเห็นใดๆ ได้ก็ต่อเมื่อหลังจากเราได้รับหนังสือกล่าวแล้ว” โฆษกของบริษัทนี้ กล่าว
บริษัทเนสท์เล่อินเดียกำลังทำการคัดค้านการสั่งห้ามจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อแม็กกีในศาลสูงของนครมุมไบ
เนสท์เล่อินเดียขายสินค้าตัวดังกล่าวในอินเดียมานานกว่า 30 ปีแล้ว และครองพื้นที่ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 80% ก่อนที่จะถูกสั่งห้ามจำหน่าย
