เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – สมาชิกรัฐสภาสาธารณรัฐซูรินามลงมติในวันอังคาร (14 ก.ค.) ให้การรับรองผู้นำจอมอื้อฉาว เดซี เบาเตอร์เซ ให้ได้ครองอำนาจต่อเป็นสมัยที่ 2 ในฐานะประธานาธิบดีของประเทศซึ่งเคยเป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์แห่งนี้
รายงานข่าวล่าสุดจากกรุงปารามารีโบ เมืองหลวงของซูรินามระบุว่า สมาชิกรัฐสภาซูรินามได้ลงมติด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ 51-0 เสียงให้การรับรองแก่เดซี เดลาโน เบาเตอร์เซ เป็นประธานาธิบดีต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 2 หลังจากที่ผู้นำวัย 69 ปีรายนี้ได้รับเลือกให้ทำหน้าที่ประมุขสูงสุดของซูรินามมาตั้งแต่เมื่อปี 2010
ขณะที่ “มือขวา” ของเบาเตอร์เซ อย่างอัชวิน อัดฮิน ก็ได้รับการรับรองจากสมาชิกรัฐสภาซูรินาม ให้เข้ารับตำแหน่งรองประธานาธิบดีด้วยเช่นกัน
ด้านแหล่งข่าวทางการทูตเผยว่า ทั้งเบาเตอร์เซและอัดฮินมีกำหนดต้องทำพิธีสาบานตนเพื่อเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 12 สิงหาคมนี้
ในความเป็นจริงแล้ว เดซี เบาเตอร์เซได้ครองอำนาจในฐานะผู้นำสูงสุดของซูรินามมายาวนานแล้วนับตั้งแต่ปี 1980 ซึ่งเป็นปีที่เขานำกองทัพเข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศได้เป็นผลสำเร็จ ทั้งๆ ที่ในเวลานั้นเบาเตอร์เซเพิ่งมีอายุเพียง 34 ปี และมียศทางทหารเป็นเพียงแค่ “จ่าสิบเอก” เท่านั้น
เบาเตอร์เซได้ก้าวลงจากอำนาจเมื่อปี 1987 หลังเผชิญแรงกดดันจากนานาชาติ กรณีที่รัฐบาลของเขากระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างขนานใหญ่ระหว่างการครองอำนาจ โดยเฉพาะการสังหารแกนนำฝ่ายต่อต้านจำนวน 15 รายเมื่อปี 1982 หรือที่ถูกเรียกขานกันโดยทั่วไปว่า เหตุการณ์ “December killings.”
หลังก้าวลงจากอำนาจเพราะแรงกดดันจากนานาชาติได้ราว 3 ปี เบาเตอร์เซได้เป็นแกนนำในการทำรัฐประหารเป็นครั้งที่ 2 เมื่อปี 1990 และเข้าบริหารประเทศอีก 1 ปี ก่อนตัดสินใจหันหลังให้กับเวทีการเมืองของซูรินาม อดีตดินแดนอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ (ได้เอกราชเมื่อปี ค.ศ. 1975) และได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ในปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2000 เบาเตอร์เซถูกศาลเนเธอร์แลนด์ตัดสินให้รับโทษจำคุกเป็นเวลา 11 ปี หลังมีส่วนพัวพันกับการขายยาเสพติดประเภทโคเคนน้ำหนักถึง 474 กิโลกรัม
แต่เบาเตอร์เซซึ่งถูก “ตำรวจสากล” ออกหมายจับ สามารถหนีรอดการจับกุมมาได้โดยตลอดจนกระทั่งเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของซูรินามเมื่อปี 2010 ซึ่งทำให้เขาได้รับ “สิทธิ์คุ้มกัน” ทางการทูตในฐานะผู้นำประเทศ
ทั้งนี้ ข้อมูลลับที่ถูกนำออกเผยแพร่โดยเว็บไซต์จอมแฉ “ วิกิลีคส์” เมื่อปี 2011 ระบุว่า เดซี เบาเตอร์เซมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดมานานหลายปี ก่อนจะ “อำลาวงการ” ตั้งแต่ปี 2006