xs
xsm
sm
md
lg

จีนปรับลดจีดีพีปีที่แล้ว เหลือ 7.7 เปอร์เซนต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คนงานชาวจีนกำลังเดินผ่านป้ายประชาสัมพันธ์ “ความฝันจีน” ริมทางเท้าในกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 2 ก.ย.2556 ขณะที่สำนักสถิติจีนแถลงการปรับลดการเติบโตเศรษฐกิจ จาก 7.8 เปอร์เซนต์ มาอยู่ที่ 7.7 เปอร์เซนต์ (ภาพ เอเอฟพี)
เอเอฟพี--สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนแถลงเมื่อวันจันทร์(2 ก.ย.) ปรับลดตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำปี 2555 ลงมาที่ 7.7 เปอร์เซนต์ จากระดับ 7.8 เปอร์เซนต์

จีนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ถูกจับตามองว่าจะเป็นแรงกระตุ้นการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก แต่ใน 2-3 เดืนอมานี้ ผลประกอบการในภาคเศรษฐกิจจีน มีแนวโน้มที่ผสมปนเป

สำหรับตัวเลขการเติบโตเศรษฐกิจประจำปี 2555 ที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ ประกาศเว็บไซต์ขององค์กร คือ 7.7 เปอร์เซนต์ หรือ เท่ากับ 51.9 ล้านล้านหยวนนั้น นับเป็นระดับตกต่ำที่สุดนับจากปี 2542 ซึ่งเป็นปีที่เศรษฐกิจจีนพุ่งหลาวลงไปถึง 7.6 เปอร์เซนต์

ทั้งนี้ จีนแซงหน้าญี่ปุ่น กลายเป็นยักษ์ใหญ่เศรษฐกิจอันดับสองของโลกในปี 2553 ดังนั้น ตัวเลขอัตราเติบโตเศรษฐกิจจีนจึงเป็นที่จับตามองของทั้งกลุ่มนักลงทุน กลุ่มธุรกิจ และสถาบันต่างๆ

จีนได้ทบทวนตัวเลขเศรษฐกิจเป็นประจำเช่นเดียวกันเศรษฐกิจอื่นๆของโลก โดยที่ผ่านมาจีนพยายามดันตัวเลขให้สูงเข้าไว้ แต่ในขณะนี้ จีนกำลังประคับประคองเศรษฐกิจให้ร่อนลงอย่างนุ่มนวล (soft landing) หลังจากที่เศรษฐกิจจีนโตร้อนแรงมาหลายปี ทั้งนี้ การขยายตัวเศรษฐกิจจีนปี 2554 เท่ากับ 9.3 เปอร์เซนต์ และ ปี 2553 เท่ากับ 10.4 เปอร์เซนต์

สำนักสถิติมังกรได้อ้างว่า มี “ข้อมูลพื้นฐานที่เชื่อถือได้และครบถ้วนมากขึ้น” ในการพิจารณาปรับเปลี่ยนนี้ ซึ่งเป็นการประเมินในขั้นเบื้องต้น โดยอาจมีการปรับเปลี่ยนตัวเลขอีกเมื่อมีข้อมูลใหม่ๆเพิ่มเข้ามา

อย่างไรก็ตาม ตัวเลข 7.7 นี้ ยังสูงเกินเป้า 7.5 เปอร์เซนต์ที่รัฐบาลหมายไว้สำหรับการเติบโตฯในปีที่แล้ว
ทั้งนี้ โดยปกติจีนมักประกาศเป้าหมายด้วยท่าทีอนุรักษ์และมักจะเกินกว่าระดับที่น่าจะเป็นในความเป็นจริง

สำนักสถิติจีนระบุในเดือนก.ค. อัตราเติบโต 6 เดือนแรกของปีนี้ เท่ากับ 7.6 เปอร์เซนต์ ซึ่งเป็นระดับที่ “กำลังดี” และอยู่ภายในความคาดหมาย

แม้ว่าการเติบโตในช่วงสองไตรมาสติดต่อกันนี้ จะอยู่ในช่วงขาลง แต่ข้อมูลใหม่ๆของไตรมาสสาม ก็ดูดีอย่างน่าประหลาดใจ

กลุ่มผู้นำจีนแถลงว่าจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการเติบโตเศรษฐกิจจากที่เคยพึ่งพิงการลงทุนภาครัฐในโครงการใหญ่ๆ หันมาผลักดันให้การใช้จ่ายภาคเอกชนเป็นแรงขับดันเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นการขยายตัวที่ยั่งยืนกว่า

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาว่า “อัตราเติบโตแบบความเร็วสูงระดับซูเปอร์” ได้ผ่านพ้นไปแล้ว จีนจะเข้าสู่ “การเติบโตด้วยความเร็วสูงแบบยั่งยืน”

ทั้งนี้ กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ที่ติดตามภาวะเศรษฐกิจจีนมักประสบความผิดหวังต่อความน่าเชื่อถือของตัวเลขจีน

ข้อมูลรั่วไหลจากวงการทูตสหรัฐฯ หรือ วิกิลีคส์ (WikiLeaks) เมื่อปี 2553 แฉว่า แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หลี่ เค่อเฉียง ก็แสดงความกังขา และได้บอกกับเอกอัครราชทูตอเมริกันในปักกิ่งเมื่อปี 2543 ว่าเมื่อครั้งที่เขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดระดับมณฑล เคยพบข้อมูลตัวเลข ที่ “ถูกปั้นขึ้นมา” ซึ่งเชื่อถือไม่ได้เลย

นอกจากนี้ หลี่ยังเผยว่าเมื่อเขาจะประเมินเศรษฐกิจท้องถิ่น จะดูข้อมูลตัวเลขสามชุดเท่านั้น ได้แก่ การบริโภคพลังงาน, ปริมาณการขนส่งทางรถไฟ, และมูลค่าสินเชื่อที่ปล่อยออกไป “ตัวเลขอื่นๆทั้งหมด โดยเฉพาะตัวเลขจีดีพี เป็นข้อมูล “อ้างอิงเท่านั้น” เขากล่าวพลางยิ้ม” .
กำลังโหลดความคิดเห็น