เอเอฟพี - เฟเดริกา โมเกรินี ประธานด้านนโยบายต่างประเทศของอียู ประกาศในวันอังคาร (14 ก.ค.) ว่าเหล่าชาติมหาอำนาจและอิหร่านสามารถหาข้อสรุปร่วมกันอย่างเป็นทางการได้สำเร็จ ในการทำข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ ที่ต้องการจะทำให้แน่ใจว่าอิหร่านจะไม่มีระเบิดนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง
“การเจรจากับอิหร่านเสร็จสิ้น เราได้ข้อตกลงแล้ว” เธอระบุสั้นๆ ผ่านทางทวิตเตอร์ หลังเสร็จสิ้นการดำเนินการลงนามขั้นตอนสุดท้ายระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่ม P5+1 กับอิหร่าน ที่กรุงเวียนนา
การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นในวันที่ 18 ของการเจรจาอันแสนยาวนานแบบมาราธอนระหว่างอิหร่านกับ 6 ชาติมหาอำนาจ ได้แก่ อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี รัสเซีย สหรัฐอเมริกา
ข้อตกลงนี้ตั้งเป้าที่จะยุติความขัดแย้งตลอด 13 ปีที่ผ่านมา เรื่องความทะเยอทะยานด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยก่อนหน้านี้เคยล้มเหลวมาแล้วหลายครั้ง ทั้งการดำเนินการทางการทูต และการขู่ว่าจะดำเนินการทางทหาร
อิสราเอล ที่เป็นชาติอริของอิหร่านได้ออกมาตราหน้าการทำข้อตกลงนี้ว่าเป็น “ความผิดพลาดครั้งประวัติศาสตร์” แต่ถึงกระนั้นทางอิหร่านและสหภาพยุโรปก็ได้ออกมายกย่องการทำข้อตกลงนี้ว่าเป็นความหวังใหม่ของชาวโลก
“ฉันคิดว่านี่เป็นลงนามแห่งความหวังของทั้งโลก แล้วเราทุกคนก็รู้กันดีว่านี่คือสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในช่วงเวลานี้” โมเกรินี กล่าวตอนเริ่มดำเนินการขั้นตอนสุดท้าย โดยมีบรรดารัฐมนตรีลงนามอย่างเป็นทางการในข้อตกลง
โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ได้กล่าวถึงข้อตกลงนี้ ที่จะช่วยคลายการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อประเทศของเขาว่า เป็นช่วงเวลาสำคัญครั้งประวัติศาสตร์
“เราบรรลุข้อตกลงที่อาจจะไม่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกคน แต่มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราบรรลุเป้าหมาย ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของพวกเราทุกคน เรากำลังเริ่มต้นความหวังใหม่” เขากล่าว
ข้อตกลงนี้จะวางข้อจำกัดที่เข้มงวดต่อกิจกรรมด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านไปอย่างน้อย 1 ทศวรรษ พร้อมทั้งให้สหประชาชาติเข้ามาตรวจสอบอย่างเคร่งครัด โดยเหล่าชาติมหาอำนาจหวังว่าจะทำให้การมีระเบิดปรมาณูไว้ในครอบครองของอิหร่านนั้นไม่อาจเป็นไปได้ ซึ่งผลตอบแทนที่ได้กลับมานั้นคือ มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของนานาชาติที่มีต่ออิหร่านนั้นจะถูกยกเลิก รวมถึงทรัพย์สินหลายพันล้านดอลลาร์นั้นก็จะไม่ถูกอายัดอีกต่อไป