เอเจนซีส์ - จีนกำลังใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อท้าทายความเหนือล้ำของแสนยานุภาพทางอากาศและอวกาศของอเมริกา จึงเป็นการบีบคั้นให้เพนตากอนต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและระบบใหม่ๆ มาปกป้องฐานะของตนเอง บิ๊กเบอร์สองกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯระบุในวันจันทร์ (22 มิ.ย.) วันเดียวกับที่การหารือระดับสูงทางยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจจีน-สหรัฐฯประจำปี เริ่มต้นขึ้นในกรุงวอชิงตัน โดยที่อเมริกายืนกรานจะพูดคุยทุกประเด็นขัดแย้งอย่างตรงไปตรงมา
โรเบิร์ต เวิร์ก รัฐมนตรีช่วยกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการบินและอวกาศทั้งที่เป็นทหารและพลเรือนที่กรุงวอชิงตันในวันจันทร์ (22) ว่า ปักกิ่งกำลังสามารถอุดช่วงห่างทางเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว โดยที่กำลังพัฒนาทั้งเครื่องบินหลบเลี่ยงเรดาร์ เครื่องบินสอดแนมระดับก้าวหน้า ขีปนาวุธที่มีความละเอียดซับซ้อน และอาวุธยุทโธปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สุดล้ำ
เวิร์กบอกว่า ถึงแม้มีความคาดหวังที่จะรักษาความสัมพันธ์อันสร้างสรรค์กับจีน แต่เพนตากอนไม่อาจมองข้ามแง่มุมด้านการแข่งขัน โดยเฉพาะสมรรถนะทางการทหาร ซึ่งจีนมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องในอัตราที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ ในตอนค่ำวันเดียวกัน ปรากฏว่าสำนักข่าวซินหวาของทางการจีนได้รายงานคำให้สัมภาษณ์ของ สีว์ ฉีเลี่ยง รองประธานคณะกรรมการการทหารส่วนกลางของจีน ที่ระบุว่า กองทัพจีนจำเป็นต้องสร้างสรรค์นวัตกรรมต่างๆ เพิ่มขึ้นอีก
“การสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ของเรากำลังแปรเปลี่ยนจากการวิจัยเพื่อไล่ให้ทัน มาสู่นวัตกรรมที่เป็นอิสระของตนเอง” สีว์ กล่าว
ระหว่างพูดเมื่อวันจันทร์ นายใหญ่หมายเลขสองของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังได้อ้างอิงงานศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดว่าด้วยการเผชิญหน้ากันระหว่างมหาอำนาจที่กำลังก้าวผงาดขึ้นมาใหม่กับมหาอำนาจที่ครองเวทีอยู่ก่อนแล้ว โดยเขาบอกว่าปฏิสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจเช่นนี้มักนำมาซึ่งสงคราม ดังนั้น เพนตากอนจึงต้องป้องกันไม่ให้การแข่งขันระหว่างประเทศเช่นนี้ร้อนแรงขึ้นกว่าเดิม
เขากล่าวอีกว่า สหรัฐฯนั้นโดยทั่วไปแล้วเห็นว่า วิธีรับประกันความเสี่ยงที่ดีที่สุดคือ การมีสมรรถนะเพื่อการป้องปรามทั้งทางอาวุธนิวเคลียร์และทางอาวุธแบบแผนปกติ อันแข็งแกร่งชนิดเหนือล้ำเกินกว่าคู่แข่งไม่ว่ารายใดก็ตาม
เวิร์ก ซึ่งโดยตำแหน่งแล้วถือเป็นประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของเพนตากอน เสริมว่า ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา อเมริกาพึ่งพิงความเหนือชั้นทางเทคโนโลยี ทว่า ขณะนี้ ความเหนือชั้นดังกล่าวกำลังถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง และกระทรวงกลาโหมกำลังแก้ไขด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำและลดต้นทุนการรับมือการโจมตี
การแสดงความคิดเห็นคราวนี้ของเวิร์ก มีขึ้นในการประชุมครั้งปฐมฤกษ์ของ “โครงการริเริ่มศึกษาการบินและอวกาศของจีน” ที่เป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศสหรัฐฯ และกลุ่มคลังสมอง “แรนด์ คอร์เปอเรชัน” เพื่อส่งเสริมเพิ่มพูนการวิจัยเกี่ยวกับความทะเยอทะยานทางด้านนี้ของแดนมังกร
การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่จีนกว่า 400 คนกำลังอยู่ในวอชิงตัน เพื่อร่วม “การหารือทางยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจสหรัฐฯ-จีน” อันเป็นการประชุมระดับสูงประจำปีของสองประเทศ ซึ่งคราวนี้มี รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน, รัฐมนตรีต่างประเทศจอห์น เคร์รี, และรัฐมนตรีคลัง แจ็ค ลูว์ ของทางสหรัฐฯเป็นเจ้าภาพ ขณะที่ทางฝ่ายจีนนั้นนำโดย มนตรีแห่งรัฐ หยาง เจียฉือ และรองนายกรัฐมนตรี หวัง หยาง ทั้งนี้ ทางคณะผู้แทนฝ่ายจีนยังมีกำหนดเข้าพบประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ทำเนียบขาว ในวันพุธ (24) ด้วย
การหารือถือว่าเปิดขึ้นอย่างเป็นทางการในวันอังคาร (23) ทว่าตั้งแต่วันจันทร์ (22) แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศสหรัฐฯ ก็เปิดการสนทนาแบบปิดห้องคุยกันกับฝ่ายจีนที่นำโดยรองรัฐมนตรีต่างประเทศ จาง เย่สุย ในส่วนซึ่งเห็นกันว่ายากที่สุด อันได้แก่เรื่องความมั่นคง
เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯผู้หนึ่งกล่าวในวันจันทร์ว่า จนถึงเวลานี้การหารือ “ในประเด็นปัญหาต่างๆ ที่อ่อนไหวที่สุดในความสัมพันธ์” ระหว่างประเทศทั้งสอง ยังคงเป็นไปอย่าง “ตรงไปตรงมาและเข้าสู่ประเด็น”
การพูดจาด้านความมั่นคงเช่นนี้ ถือเป็นการปูพื้นฐานระดับสูงสุดสำหรับการเจรจาของฝ่ายทหารและพลเรือนเพื่อพยายามหาทางจัดการกับสายสัมพันธ์ของประเทศทั้งสองซึ่งเต็มไปด้วยความซับซ้อน
“ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนนั้นมีความกว้างขวางอย่างที่สุด แล้วก็ยังมีความสลับซับซ้อนอย่างที่สุด แต่ก็มีผลสืบเนื่องมากมายยิ่ง” เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวต่อ
ขณะที่สหรัฐฯกับจีนมีพื้นที่ของการร่วมมือกันอันทรงความสำคัญๆ เป็นต้นว่า การเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน, สถานการณ์ในอัฟกานิสถาน, และความจำเป็นที่จะต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ทว่าก็มีความแตกต่างกันอย่างสำคัญๆ เช่นกัน
“การหารือกันเช่นนี้กำลังยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากมีความจำเป็นที่จะต้องจัดการกับประเด็นปัญหาต่างๆ เหล่านี้กันอย่างซึ่งหน้า ไม่ใช่พยายามกลบเกลื่อนกันไป ไม่ใช่พยายามที่จะตกลงกันแต่จริงๆ แล้วตกลงกันไม่ได้ ทว่าต้องพยายามที่จะพูดถึงปัญหากันจริงๆ และมองว่าเราสามารถที่จะ … พยายามลดความแตกต่างให้น้อยลงได้หรือไม่” เจ้าหน้าที่ผู้นี้บอก
ทางด้านสำนักข่าวซินหวาของทางการจีนก็รายงานว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะทำงานกันเพื่อสร้างความสัมพันธ์ด้านความมั่นคง “ที่มีเสถียรภาพ”
ประเด็นที่ยังเห็นต่างกัน
ประเด็นเฉพาะหน้าอันสำคัญในเวลานี้ที่สหรัฐฯกับจีนยังคงมีความเห็นแตกต่างกัน ได้แก่เรื่องที่ปักกิ่งอ้างกรรมสิทธิ์พื้นที่เกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ และกำลังถมทะเลสร้างเกาะเทียมขึ้นในอาณาบริเวณดังกล่าว โดยที่วอชิงตันเรียกร้องเรื่อยมาให้ยุติโครงการเหล่านี้
เจ้าหน้าที่อเมริกันยังระบุว่า ความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงในระบบไซเบอร์ภายหลังการโจมตีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของรัฐบาล ที่วอชิงตันกล่าวหาว่า เป็นฝีมือแฮกเกอร์แดนมังกรนั้น จะถูกหยิบยกขึ้นหารืออย่างตรงไปตรงมาเช่นเดียวกัน
การประชุมครั้งนี้ที่จะมีรัฐมนตรีจาก 8 กระทรวงของสหรัฐฯ ร่วมหารือด้วยนั้น มีขึ้นขณะที่สองมหาอำนาจไว้เนื้อเชื่อใจกันน้อยลง และเห็นต่างกันมากขึ้น แม้ยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มีมูลค่าถึง 590,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา ไว้อย่างเหนียวแน่นก็ตาม
อเมริกานั้นวิตกมากขึ้นกับความท้าทายของจีนในการครอบครองระบบการเงินโลก และการกีดกันธุรกิจอเมริกันในแดนมังกร
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กำลังฝ่าฟันเพื่อผลักดันให้รัฐสภาเห็นชอบร่างกฎหมายเพื่อเร่งรัดข้อตกลงการค้าเสรี 12 ชาติ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในนโยบายปักหมุดเอเชียเพื่อคานอิทธิพลจีน
กระนั้น จีนและอเมริกาจะพยายามผ่อนคลายความขัดแย้งด้วยการหันไปเน้นย้ำความร่วมมือกัน ถึงแม้เจ้าหน้าที่อเมริกันย้ำว่า จะไม่มีการละเลยประเด็นขัดแย้ง แต่จะพยายามหารือเพื่อลดความขัดแย้งและหลีกเลี่ยงการคำนวณสถานการณ์ผิดพลาด
เช่นเดียวกัน ทางฝั่งจีนก็ต้องการให้การหารือครั้งนี้ผ่านพ้นอย่างราบรื่น เพื่อเตรียมการสำหรับการเยือนวอชิงตันอย่างเป็นรัฐพิธีของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในเดือนกันยายน
นักวิเคราะห์เชื่อว่า การหารือครั้งนี้น่าจะไม่มีผลลัพธ์รูปธรรมมากนัก โดยที่ความคืบหน้าใดๆ ที่เกิดขึ้นคงจะยกยอดไปแถลงระหว่างการเยือนของผู้นำจีนมากกว่า
นอกจากนั้น ยังเป็นที่คาดว่า ทั้งสองฝ่ายจะคุยกันเรื่องสนธิสัญญาการลงทุนทวิภาคีที่ยืดเยื้อมา 7 ปี ขณะที่ปักกิ่งจะพยายามผลักดันเงินหยวนให้เข้าเป็น 1 ในสกุลเงินตราซึ่งอยู่ในตะกร้าเงินสำรองของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)