จีนกำลังใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อท้าทายความเหนือล้ำของแสนยานุภาพทางอากาศและอวกาศของอเมริกา จึงเป็นการบีบคั้นให้เพนตากอนต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและระบบใหม่ๆ มาปกป้องฐานะของตนเอง บิ๊กเบอร์สองกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯระบุในวันจันทร์ (22 มิ.ย.) วันเดียวกับที่การหารือระดับสูงทางยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจจีน-สหรัฐฯประจำปี เริ่มต้นขึ้นในกรุงวอชิงตัน โดยที่อเมริกายืนกรานจะพูดคุยทุกประเด็นขัดแย้งอย่างตรงไปตรงมา
โรเบิร์ต เวิร์ก รัฐมนตรีช่วยกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการบินและอวกาศทั้งที่เป็นทหารและพลเรือนที่กรุงวอชิงตันในวันจันทร์ (22) ว่า ปักกิ่งกำลังสามารถอุดช่วงห่างทางเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว โดยที่กำลังพัฒนาทั้งเครื่องบินหลบเลี่ยงเรดาร์ เครื่องบินสอดแนมระดับก้าวหน้า ขีปนาวุธที่มีความละเอียดซับซ้อน และอาวุธยุทโธปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สุดล้ำ
เวิร์กบอกว่า ถึงแม้มีความคาดหวังที่จะรักษาความสัมพันธ์อันสร้างสรรค์กับจีน แต่เพนตากอนไม่อาจมองข้ามแง่มุมด้านการแข่งขัน โดยเฉพาะสมรรถนะทางการทหาร ซึ่งจีนมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องในอัตราที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง
การแสดงความคิดเห็นคราวนี้ของเวิร์ก มีขึ้นในการประชุมครั้งปฐมฤกษ์ของ “โครงการริเริ่มศึกษาการบินและอวกาศของจีน” ที่เป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศสหรัฐฯ และกลุ่มคลังสมอง “แรนด์ คอร์เปอเรชัน” เพื่อส่งเสริมเพิ่มพูนการวิจัยเกี่ยวกับความทะเยอทะยานทางด้านนี้ของแดนมังกร
การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่จีนกว่า 400 คนกำลังอยู่ในวอชิงตัน เพื่อร่วม “การหารือทางยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจสหรัฐฯ-จีน” อันเป็นการประชุมระดับสูงประจำปีของสองประเทศ ซึ่งคราวนี้มี รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน, รัฐมนตรีต่างประเทศจอห์น เคร์รี, และรัฐมนตรีคลัง แจ็ค ลูว์ ของทางสหรัฐฯเป็นเจ้าภาพ ขณะที่ทางฝ่ายจีนนั้นนำโดย มนตรีแห่งรัฐ หยาง เจียฉือ และรองนายกรัฐมนตรี หวัง หยาง ทั้งนี้ ทางคณะผู้แทนฝ่ายจีนยังมีกำหนดเข้าพบประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ทำเนียบขาว ในวันพุธ (24) ด้วย
การหารือถือว่าเปิดขึ้นอย่างเป็นทางการในวันอังคาร (23) ทว่าตั้งแต่วันจันทร์ (22) แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศสหรัฐฯ ก็เปิดการสนทนาแบบปิดห้องคุยกันกับฝ่ายจีนที่นำโดยรองรัฐมนตรีต่างประเทศ จาง เย่สุย ในส่วนซึ่งเห็นกันว่ายากที่สุด อันได้แก่เรื่องความมั่นคง
เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯผู้หนึ่งกล่าวในวันจันทร์ว่า จนถึงเวลานี้การหารือ “ในประเด็นปัญหาต่างๆ ที่อ่อนไหวที่สุดในความสัมพันธ์” ระหว่างประเทศทั้งสอง ยังคงเป็นไปอย่าง “ตรงไปตรงมาและเข้าสู่ประเด็น”
การพูดจาด้านความมั่นคงเช่นนี้ ถือเป็นการปูพื้นฐานระดับสูงสุดสำหรับการเจรจาของฝ่ายทหารและพลเรือนเพื่อพยายามหาทางจัดการกับสายสัมพันธ์ของประเทศทั้งสองซึ่งเต็มไปด้วยความซับซ้อน
โรเบิร์ต เวิร์ก รัฐมนตรีช่วยกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการบินและอวกาศทั้งที่เป็นทหารและพลเรือนที่กรุงวอชิงตันในวันจันทร์ (22) ว่า ปักกิ่งกำลังสามารถอุดช่วงห่างทางเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว โดยที่กำลังพัฒนาทั้งเครื่องบินหลบเลี่ยงเรดาร์ เครื่องบินสอดแนมระดับก้าวหน้า ขีปนาวุธที่มีความละเอียดซับซ้อน และอาวุธยุทโธปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สุดล้ำ
เวิร์กบอกว่า ถึงแม้มีความคาดหวังที่จะรักษาความสัมพันธ์อันสร้างสรรค์กับจีน แต่เพนตากอนไม่อาจมองข้ามแง่มุมด้านการแข่งขัน โดยเฉพาะสมรรถนะทางการทหาร ซึ่งจีนมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องในอัตราที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง
การแสดงความคิดเห็นคราวนี้ของเวิร์ก มีขึ้นในการประชุมครั้งปฐมฤกษ์ของ “โครงการริเริ่มศึกษาการบินและอวกาศของจีน” ที่เป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศสหรัฐฯ และกลุ่มคลังสมอง “แรนด์ คอร์เปอเรชัน” เพื่อส่งเสริมเพิ่มพูนการวิจัยเกี่ยวกับความทะเยอทะยานทางด้านนี้ของแดนมังกร
การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่จีนกว่า 400 คนกำลังอยู่ในวอชิงตัน เพื่อร่วม “การหารือทางยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจสหรัฐฯ-จีน” อันเป็นการประชุมระดับสูงประจำปีของสองประเทศ ซึ่งคราวนี้มี รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน, รัฐมนตรีต่างประเทศจอห์น เคร์รี, และรัฐมนตรีคลัง แจ็ค ลูว์ ของทางสหรัฐฯเป็นเจ้าภาพ ขณะที่ทางฝ่ายจีนนั้นนำโดย มนตรีแห่งรัฐ หยาง เจียฉือ และรองนายกรัฐมนตรี หวัง หยาง ทั้งนี้ ทางคณะผู้แทนฝ่ายจีนยังมีกำหนดเข้าพบประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ทำเนียบขาว ในวันพุธ (24) ด้วย
การหารือถือว่าเปิดขึ้นอย่างเป็นทางการในวันอังคาร (23) ทว่าตั้งแต่วันจันทร์ (22) แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศสหรัฐฯ ก็เปิดการสนทนาแบบปิดห้องคุยกันกับฝ่ายจีนที่นำโดยรองรัฐมนตรีต่างประเทศ จาง เย่สุย ในส่วนซึ่งเห็นกันว่ายากที่สุด อันได้แก่เรื่องความมั่นคง
เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯผู้หนึ่งกล่าวในวันจันทร์ว่า จนถึงเวลานี้การหารือ “ในประเด็นปัญหาต่างๆ ที่อ่อนไหวที่สุดในความสัมพันธ์” ระหว่างประเทศทั้งสอง ยังคงเป็นไปอย่าง “ตรงไปตรงมาและเข้าสู่ประเด็น”
การพูดจาด้านความมั่นคงเช่นนี้ ถือเป็นการปูพื้นฐานระดับสูงสุดสำหรับการเจรจาของฝ่ายทหารและพลเรือนเพื่อพยายามหาทางจัดการกับสายสัมพันธ์ของประเทศทั้งสองซึ่งเต็มไปด้วยความซับซ้อน