xs
xsm
sm
md
lg

จีน-สหรัฐฯ ร่วมพัฒนายาต้านไวรัสมรณะ ‘เมอร์ส’ คาดใช้ได้จริงเร็วๆ นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เจ้าหน้าที่ในชุดป้องกันครบครันกำลังฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคภายในหอประชุมแห่งหนึ่งของกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ วันที่ 12 มิ.ย. 2558 (ภาพ รอยเตอร์ส)
เอเจนซี - นักวิจัยจีน-สหรัฐฯ จับมือพัฒนายารักษาไวรัสมรณะเมอร์ส (MERS) ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในเกาหลีใต้ จนทำให้มีผู้ป่วยติดเชื้อมากกว่า 150 คน และเสียชีวิต 19 ราย

สถานีโทรทัศน์กลางแห่งชาติจีน หรือซีซีทีวี รายงาน (16 มิ.ย.) ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยฟู่ตั้นของจีนกับสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) ของสหรัฐอเมริกา ที่กำลังเร่งมือคิดค้นยารักษาโรคอันเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (Middle East respiratory syndrome)

นายเจียง สือปัว จากมหาวิทยาลัยฟู่ตั้นในนครเซี่ยงไฮ้เผยว่า ทีมวิจัยของเขาได้สร้างแอนติบอดี ‘เอ็ม336’ (m336) ที่สามารถทำงานควบคู่กับโพลีเปปไทด์ ‘เอชอาร์2พี’ (HR2P) สกัดเชื้อไวรัสเมอร์สไม่ให้แพร่กระจายเข้าสู่เซลล์สิ่งมีชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“เรากำลังปรับปรุงและพัฒนาแอนติบอดี เพื่อผลิตยาต้านไวรัสที่มีเสถียรภาพและใช้งานได้จริง” ไชน่า ไซเอนซ์ เดลี หนังสือพิมพ์ด้านวิทยาศาสตร์ของจีนอ้างคำกล่าวของเจียง

จากการอ้างอิงผลการทดลองที่ผ่านมาเสริมว่า โพลีเปปไทด์หรือสายพอลิเมอร์ของกรดอะมิโนนั้น สามารถนำมาผลิตยาฉีดพ่นจมูกตามหลักทฤษฎีได้ เพื่อใช้เป็นมาตรการป้องกันสำหรับกลุ่มผู้มีความเสี่ยงติดเชื้อสูงอย่างแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

ด้านสหรัฐอเมริกากำหนดหลักเกณฑ์ว่ายารักษาตัวใหม่ต้องผ่านกระบวนการ 4 ระดับ ได้แก่ การทดสอบในห้องแล็ป การทดสอบในสัตว์ การทดลองทางการแพทย์กับมนุษย์ และการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ ก่อนจะนำยาออกจำหน่าย

เป่ยจิง นิวส์ สื่อท้องถิ่นจีน รายงานความเห็นของนายจง หนันซัน ผู้เชี่ยวชาญโรคติดต่อทางลมหายใจ ที่เคยกร่ำศึกกับโรคซาร์ส (SARS) ในปี 2546 ระบุเรียกร้องให้ดำเนินการทดลองแอนติบอดีเอ็ม336 กับมนุษย์โดยเร็วที่สุด หลังพบผล “ประสิทธิภาพสูง” จากการทดสอบในสัตว์

ทั้งนี้การแพร่ระบาดของไวรัสเมอร์สบนแดนโสมขาวยังคงอยู่ในภาวะวิกฤต โดยพบผู้ติดเชื้อ 154 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 19 ราย ในวันจันทร์ (15 มิ.ย.) ซึ่งส่งผลเสียหายต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างรุนแรง

ทางการเกาหลีใต้คาดการณ์ว่า หากสถานการณ์ยังไม่มีทีท่าจะคลี่คลายลงได้ในเร็ววัน ประเทศอาจเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะธุรกิจการท่องเที่ยวที่คิดเป็นเงินราว 2,300 ล้านดอลลาร์ หลังจากพบนักท่องเที่ยวกว่า 1 แสนคน เก็บกระเป๋ากลับประเทศตัวเองไปแล้ว

กำลังโหลดความคิดเห็น