เอเอฟพี – บริษัทรถยนต์ ฮอนด้า แถลงวันนี้ (15 มิ.ย.)ว่า พบผู้เสียชีวิตจากเหตุถุงลมนิรภัยระเบิดอีก 1 รายในสหรัฐฯ เมื่อเดือนเมษายน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกขยับเพิ่มเป็น 7 ราย ยังไม่รวมผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก ซึ่งปัญหานี้ได้ทำให้มีการเรียกคืนยานพาหนะหลายล้านคัน และส่งผลกระทบต่อค่ายรถชั้นนำหลายบริษัท
ฮอนด้า ยืนยันการเสียชีวิตของสตรีชาวอเมริกันในรัฐลุยเซียนา ซึ่งถูกเศษโลหะปลิวกระจายเข้าใส่ตัว หลังจากถุงลมนิรภัยบนรถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค รุ่นปี 2005 เกิดระเบิดขึ้น
โรงงานฮอนด้าในสหรัฐฯ ได้รายงานการเสียชีวิตของหญิงรายนี้ต่อสำนักงานความปลอดภัยทางหลวงแห่งชาติสหรัฐฯ (NHTSA) เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว(12)
กรณีนี้นับเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงล่าสุดจากความบกพร่องของถุงลมนิรภัยยี่ห้อ “ทากาตะ” ซึ่งเชื่อว่าต้นเหตุน่าจะเกิดจากสารเคมีขับเคลื่อนที่ทำให้ถุงลมนิรภัยกางออกอย่างรุนแรงเกินไป จนเป็นเหตุให้ถุงลมระเบิด และมีเศษโลหะปลิวกระจายเข้าใส่คนขับ
เดือนที่แล้ว ผู้ผลิตถุงลมนิรภัยสัญชาติญี่ปุ่นยินยอมขยายขอบเขตการเรียกคืนรถยนต์ในสหรัฐฯ เพิ่มเกือบ 2 เท่าตัว รวมเป็นจำนวนเกือบ 34 ล้านคัน
ปัญหาถุงลมนิรภัยทากาตะส่งผลกระทบต่อค่ายรถยนต์ชั้นนำหลายบริษัท ไม่ว่าจะเป็นฮอนด้า, โตโยต้า, ฟอร์ด, เจเนอรัลมอเตอร์ส, นิสสัน และบีเอ็มดับเบิลยู ทว่าฮอนด้าได้รับผลกระทบกว้างขวางที่สุด และเพิ่งจะแต่งตั้งประธานคนใหม่เข้ามาจัดการวิกฤตในสัปดาห์นี้
ผู้บริหารอาวุโสของทากาตะแจ้งต่อสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ เมื่อต้นเดือนนี้ว่า ทากาตะซึ่งเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ถุงลมนิรภัยรายใหญ่ของโลกกำลังเร่งตรวจสอบหาต้นตอการระเบิดอย่างผิดวิสัยของถุงลมนิรภัย
เควิน เคนเนดี รองประธานบริหารทากาตะในสหรัฐฯ ระบุว่า บริษัทพุ่งประเด็นไปที่สารขับเคลื่อนแอมโมเนียมไนเตรตที่ใช้ในระบบสูบลม แต่ก็พิจารณาสาเหตุอื่นๆ ร่วมด้วย
“เรายังไม่พบต้นตอปัญหาที่แน่นอน” เขากล่าว
ทางการสหรัฐฯ ตั้งคำถามกับ ทากาตะ ว่าเหตุใดจึงนำสารเคมีซึ่งก่อให้เกิดการระเบิดมาใช้ในระบบสูบลม และชี้ว่าสิ่งนี้เองน่าจะเป็นต้นเหตุทำให้ถุงลมนิรภัยของทากาตะกางออกอย่างรุนแรงเกินไป