เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี โทนี แอ็บบอตต์ แห่งออสเตรเลีย ยืนยันในวันนี้ (21 พ.ค.) ว่ารัฐบาลของเขาไม่มีนโยบายรองรับคลื่นผู้อพยพที่ล่องเรือมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะจะยิ่งทำให้ปัญหาบานปลาย และเท่ากับส่งเสริมให้คนกล้าเอาชีวิตมาเสี่ยงตายกลางทะเล
แอ็บบอตต์ ซึ่งใช้นโยบายปิดกั้นผู้ลี้ภัยทางเรืออย่างจริงจัง ระบุว่า ออสเตรเลีย “จะไม่ทำอะไรก็ตามที่อาจส่งเสริมให้คนเหล่านั้นคิดว่าพวกเขาสามารถล่องเรือมาได้ หรือร่วมมือกับแก๊งค้ามนุษย์เพื่อมาแสวงหาชีวิตใหม่ในต่างแดนได้”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ออสเตรเลียพร้อมจะให้ที่พักพิงแก่มุสลิมโรฮีนจาจากพม่า และผู้อพยพบังกลาเทศหรือไม่ แอ็บบอตต์ก็ตอบหนักแน่นว่า “ไม่ ไม่ ไม่”
“ถ้าเราแสดงออกแม้แต่น้อยว่าเราสนับสนุนให้คนล่องเรือมา ปัญหานี้จะยิ่งเลวร้ายลงไปอีก ไม่มีวันดีขึ้น”
ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา มีผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาและบังกลาเทศเกือบ 3,000 คนว่ายน้ำมาขึ้นฝั่ง หรือได้รับความช่วยเหลือจากกองทัพไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย หลังจากที่ไทยเริ่มมีมาตรการกวาดล้างเครือข่ายค้ามนุษย์อย่างจริงจัง จนทำให้นายหน้าบางรายตัดสินใจทิ้งผู้อพยพเอาไว้กลางทะเล
แอ็บบอตต์ชี้ว่า สิ่งที่ออสเตรเลียจะทำก็คือสกัดกั้นขบวนการค้ามนุษย์ทุกวิถีทาง หากสำเร็จปัญหาคลื่นผู้อพยพทางเรือก็จะหมดไปเอง
“วิธีที่ดีที่สุดก็คือ เราต้องประกาศให้ชัดเจนว่าถ้าพวกเขากล้าเสี่ยงชีวิตมาบนเรือเก่าๆ จวนพัง พวกเขาก็จะไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ซึ่งก็คือชีวิตใหม่ในประเทศตะวันตก”
รัฐบาลออสเตรเลียเริ่มใช้มาตรการผลักดันเรือผู้ลี้ภัยออกนอกน่านน้ำไปก่อนที่พวกเขาจะล่องมาถึงชายฝั่งออสเตรเลียตั้งแต่ แอ็บบอตต์ ก้าวขึ้นเป็นนายกฯ ในเดือนกันยายน ปี 2013 ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ ไม่มีเรือผู้ลี้ภัยล่องมาถึงออสเตรเลียอีก และข่าวคนเสียชีวิตจากเหตุเรือผู้ลี้ภัยอับปางนอกชายฝั่งแดนจิงโจ้ก็หมดไปด้วย
อย่างไรก็ตาม องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนโจมตีว่า นโยบายของแอบบ็อตต์เข้าข่ายละเมิดพันธกิจที่ออสเตรเลียมีต่อนานาชาติ
ก่อนที่แคนเบอร์ราจะใช้มาตรการเช่นนี้ มีเรือผู้อพยพล่องเข้าไปถึงน่านน้ำออสเตรเลียแทบไม่เว้นแต่ละวัน และมียอดคนจมน้ำเสียชีวิตกลางทะเลหลายร้อยคน