เอเอฟพี - รัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศวันนี้ (19 พ.ค.) ว่าพร้อมให้ความช่วยเหลือแก่คลื่นผู้อพยพชาวโรฮีนจาและบังกลาเทศหลายพันคนซึ่งถูกทางการมาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย ผลักดันเรือออกนอกน่านน้ำ ท่ามกลางเสียงตำหนิติเตียนอย่างรุนแรงจากองค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลก
ฟิลิปปินส์มีพันธะทางกฎหมายที่จะต้องช่วยเหลือผู้อพยพเหล่านี้ซึ่งส่วนใหญ่หนีการกวาดล้างออกมาจากพม่า ทั้งนี้เนื่องจากฟิลิปปินส์เป็นภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัยปี 1951
“เรามีพันธกรณีและหน้าที่ที่จะต้องให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ที่ต้องการลี้ภัย" ชาร์ลส โฆเซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์เอเอ็นซี
โฆเซ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฟิลิปปินส์คนอื่นๆ ยังไม่เผยรายละเอียดของความช่วยเหลือที่รัฐบาลจะมอบแก่คลื่นผู้อพยพชาวมุสลิมโรฮีนจาและบังกลาเทศ ซึ่งกำลังกลายเป็นหายนะด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่
“เราคงชี้แจงรายละเอียดอะไรไม่ได้ เพราะยังไปไม่ถึงขั้นนั้น แต่ที่บอกได้คือนโยบายกว้างๆ ที่เรามีต่อปัญหานี้” เขาบอก
ผู้อพยพเกือบ 3,000 คนว่ายน้ำหนีขึ้นฝั่งหรือได้รับความช่วยเหลือขณะลอยเรืออยู่นอกชายฝั่งอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา และเชื่อว่าจะยังมีอีกหลายพันชีวิตที่ติดอยู่กลางทะเลใหญ่โดยปราศจากทั้งอาหารและน้ำดื่ม
รัฐบาลไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักที่ผลักดันเรือผู้อพยพบางลำออกไปจากน่านน้ำของตน หลังจากพวกเขาถูกนายหน้าค้ามนุษย์ทอดทิ้งไว้กลางทะเลเนื่องจากทางการไทยหันมากวาดล้างอย่างจริงจัง
โฆเซ อ้างถึงเมื่อครั้งที่ฟิลิปปินส์อ้าแขนรับผู้ลี้ภัยจำนวนมากในช่วงทศวรรษ 1970 ขณะที่สงครามเวียดนามกำลังจะสิ้นสุดลง โดยรับทั้งผู้ที่ล่องเรือไปขึ้นฝั่งฟิลิปปินส์โดยตรง และผู้ที่ขึ้นฝั่งในประเทศเพื่อนบ้าน
เว็บไซต์รัฐบาลกรุงมะนิลาระบุว่า เวลานั้นมีชาวเวียดนามเข้าไปอาศัยอยู่ตามค่ายผู้ลี้ภัยในฟิลิปปินส์ถึง 400,000 คน ก่อนจะกระจัดกระจายไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศอื่นๆ
ด้านโฆษกของประธานาธิบดี เบนิโญ อากีโน ระบุว่า ฟิลิปปินส์พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาและบังกลาเทศ โดยถือความเมตตากรุณาและความสงสารต่อเพื่อนมนุษย์ซึ่งเป็นหลักคำสอนสำคัญในศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก
“ในฐานะที่เราเป็นประเทศซึ่งมีพลเมืองนับถือคริสต์คาทอลิกมากที่สุดแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มันจึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องช่วยเหลือผู้เดือดร้อน” เฮอร์มินิโอ โคโลมา โฆษกประธานาธิบดี ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
ชาวโรฮีนจาเป็นมุสลิมกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ท่ามกลางสังคมพุทธในพม่า และเนื่องจากพวกเขาไม่มีสิทธิใดๆ ตามกฎหมาย จึงมักตกเป็นเหยื่อของแก๊งค้ามนุษย์
ปัจจุบันคาดว่ามีมุสลิมโรฮีนจาอาศัยอยู่ในรัฐยะไข่ของพม่าประมาณ 1.3 ล้านคน
มาเลเซียและไทยเรียกร้องให้เมียนมาร์ซึ่งเป็นประเทศต้นทางหาวิธียับยั้งคลื่นผู้อพยพ แต่รัฐบาลพม่าก็ปัดความรับผิดชอบ โดยอ้างว่าคนกลุ่มนี้เป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองจากบังกลาเทศ