เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ – คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นมีมติรับรองชุดกฎหมายซึ่งจะเปิดทางขยายบทบาทและขอบเขตกิจกรรมทางทหารของแดนปลาดิบในวันนี้ (14 พ.ค.) ซึ่งถือเป็นความพยายามของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ที่จะปรับสถานะของญี่ปุ่นให้ก้าวขึ้นมาบทบาทด้านความมั่นคงในภูมิภาคมากยิ่งขึ้น
ร่างกฎหมายซึ่งจะถูกเสนอต่อรัฐสภาญี่ปุ่นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเป็นผลพวงจากมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเห็นควรให้ญี่ปุ่นขยายบทบาทกองกำลังป้องกันตนเอง ซึ่งมีพร้อมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์และบุคลากรที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี
การปฏิรูปกฎหมายครั้งนี้จะเปิดช่องให้โตเกียวสามารถส่งกองกำลังไปช่วยป้องกันชาติพันธมิตรในต่างแดน หรือที่เรียกว่า “การป้องกันร่วม” (collective defense) ซึ่งก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นไม่อาจทำได้ เนื่องจากขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับใฝ่สันติที่ใช้มาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
“การรักษาสันติภาพและปกป้องชีวิตพลเรือน คือหน้าที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลประเทศนั้นๆ” โยชิฮิเดะ สุกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน
“สถานการณ์ความมั่นคงรอบประเทศเราในเวลานี้อยู่ในภาวะตึงเครียด ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องกระชับความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐฯให้เข้มแข็งขึ้นกว่าเก่า อีกทั้งยกระดับความเชื่อมั่นและความร่วมมือกับประเทศหุ้นส่วนอื่นๆ ในภูมิภาคด้วย”
“เราจำเป็นที่จะต้องพร้อมรับทุกสถานการณ์ วัตถุประสงค์ของชุดกฎหมายนี้ก็เพื่อการป้องกันประเทศ และหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง”
สหรัฐฯ ซึ่งเข้าไปยึดครองและร่างรัฐธรรมนูญฉบับใฝ่สันติให้แก่ญี่ปุ่นที่พ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 มีท่าทีสนับสนุนให้โตเกียวขยายบทบาททางทหารภายใต้กรอบความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างทั้ง 2 ชาติ แต่พลเมืองญี่ปุ่นเองกลับรู้สึกลังเลและหวั่นวิตกเมื่อรัฐบาลจะกำหนดนโยบายที่ผิดจากกรอบรัฐธรรมนูญสันติภาพ และเห็นว่าการใช้กำลังทางทหารควรเป็นไปเพื่อปกป้องอธิปไตยของญี่ปุ่นเพียงเท่านั้น
ผู้ที่คัดค้านเตือนว่า หากรัฐบาลออกกฎหมายที่บั่นทอนมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญซึ่งห้ามพฤติการณ์แห่งสงครามโดยรัฐเสียแล้ว โตเกียวอาจถูกอเมริกาดึงเข้าไปพัวพันสงครามในตะวันออกกลาง ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายที่ผลักดันกฎหมายชี้ว่าเป็นการคาดเดาเกินเหตุ
เรื่องนี้ยังทำให้ อาเบะ ถูกจีนกล่าวหาว่าต้องการฟื้นลัทธิทหารนิยม และทำให้ญี่ปุ่นกลับไปเป็นชาติกระหายสงครามเหมือนในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่ง อาเบะ และฝ่ายสนับสนุนกฎหมายใหม่ก็ยืนยันว่าไม่จริงอีกเช่นกัน
รัฐบาลอาเบะมีแผนยกเครื่องกฎหมายความมั่นคง 10 ฉบับ เพื่อสร้างเป็นกฎหมายใหม่ฉบับเดียวที่อนุญาตให้โตเกียวส่งกองกำลังป้องกันตนเองไปปฏิบัติภารกิจต่างแดนที่มิใช่การสู้รบแนวหน้า (non-combat assignments) เช่น การบรรเทาทุกข์หลังเกิดภัยพิบัติ และภารกิจรักษาสันติภาพ เป็นต้น และยังยกเลิกข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ในการสนับสนุนกองกำลังสหรัฐฯ หรือชาติพันธมิตร ซึ่งแต่เดิมจะถูกตีกรอบไว้เฉพาะบริเวณคาบสมุทรเกาหลี
กฎหมายใหม่ยังเปิดทางให้ญี่ปุ่นสามารถส่งกองกำลังไปปกป้องชาติพันธมิตร “ในสถานการณ์ที่คุกคามการดำรงอยู่ของญี่ปุ่นอย่างเห็นได้ชัด และอาจทำให้สิทธิพลเมืองญี่ปุ่นถูกล่วงละเมิด หากว่าประเทศที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับญี่ปุ่นถูกโจมตี”
สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค รายงานว่า ชุดกฎหมายนี้ได้รับไฟเขียวอย่างเป็นทางการจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ของ อาเบะ และพรรคโกเมอิโตะซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลฝ่ายขวา ก่อนที่การประชุมคณะรัฐมนตรีจะเริ่มขึ้นในวันนี้ (14 )
ผลสำรวจโดยเอ็นเอชเคในสัปดาห์นี้พบว่า ชาวญี่ปุ่นร้อยละ 49 ยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายความมั่นคงน้อยมาก หรือไม่เข้าใจเลย ขณะที่ร้อยละ 50 ไม่เห็นด้วยที่ญี่ปุ่นจะขยายบทบาททางทหารตามแนวทางปฏิบัติใหม่ที่ตกลงกับวอชิงตัน