เอเอฟพี – รายงานข่าวระบุวานนี้ (27 พ.ย.) ว่าญี่ปุ่นกำลังมีแผนจะร่างกฎหมาย เพื่อเร่งส่งทหารไปดำเนินภารกิจรักษาสันติภาพในต่างแดน และสนับสนุนภารกิจป้องกันประเทศของชาติพันธมิตรให้เร็วขึ้น โดยนับเป็นความเคลื่อนไหวที่อาจสั่นคลอนสัมพันธ์ระหว่างแดนอาทิตย์อุทัยกับบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน ที่ยังหวั่นวิตกว่า โตเกียวอาจรื้อฟื้นลัทธิทหารแบบสมัยสงครามโลกขึ้นมาอีกครั้ง
หนังสือพิมพ์ธรุกิจชั้นนำ “นิกเคอิ” และสื่อเจ้าอื่นๆ รายงานว่า รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น และพรรคลิเบอรัลเดโมเครติกปาร์ตี (แอลดีพี) ของเขากำลังวางแผนว่า ในต้นปีหน้าจะร่างกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่กระบวนการส่งทหารญี่ปุ่นไปประจำการในต่างแดน
ความเคลื่อนไหวนี้จะเท่ากับเป็นการลบล้างธรรมเนียมปฏิบัติในอดีต ที่กำหนดให้ญี่ปุ่นต้องร่างบทเฉพาะกาลขึ้นใหม่ ในแต่ละครั้งที่ต้องการส่งทหารไปต่างแดน เว้นแต่ในกรณีที่เป็นภารกิจรักษาสันติภาพขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และในยามที่ประเทศเพื่อนบ้านประสบสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นกรณีที่ญี่ปุ่นมีกฎหมายถาวรไว้ควบคุมอยู่แล้ว
ร่างกฎหมายเหล่านี้จะควบคุมการส่งกำลังทหารญี่ปุ่นไปยังช่วยเหลือกองกำลังนานาชาติที่เผชิญภัยคุกคามด้านความมั่นคง รวมทั้ง สนับสนุนภารกิจป้องกันประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นชาติพันธมิตรสำคัญของญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม นิกเคอิ และสำนักข่าวเกียวโดชี้ว่า พรรคแอลดีพียังต้องโน้มน้าวพรรคร่วมรัฐบาล “โคเมอิโตะ” ให้เห็นพ้องในแผนการนี้ เนื่องจากโคเมอิโตะยังคงลังเลที่จะตรากฎหมายประเภทนี้
อาเบะ ผู้ที่สภาเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกสมัยในเดือนนี้ กำลังพยายามหาทางขยายบทบาทกองทัพอันเกรียงไกรของญี่ปุ่น ด้วยการตีความรัฐธรรมนูญแนวสันตินิยมใหม่ ภายหลังที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้หลังญี่ปุ่นพ่ายสงครามโลกครั้งที่ 2
อาเบะ ต้องการให้กองทัพแดนอาทิตย์อุทัยมีอำนาจส่งกำลังทหารไปช่วยเหลือชาติเหล่าพันธมิตรอย่าง สหรัฐฯในกรณีที่กองทัพอเมริกันถูกโจมตี
แม้ว่าก่อนหน้านี้ อาเบะ และพรรคแอลดีพี ต้องการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ก็ต้องเผชิญกับกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงจากภายในประเทศ และทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับจีน ซึ่งเดิมทีก็ร้าวฉานอยู่แล้วต้องสั่นคลอนหนัก โดยปักกิ่งมักออกมากล่าวโทษโตเกียวอยู่เป็นประจำว่า ไม่เคยสำนึกถึงความโหดร้ายเลวทรามที่กองทัพแดนอาทิตย์อุทัยได้กระทำไว้ในเอเชีย ในสมัยสงครามโลก
เมื่อต้นทศวรรษที่ 2000 ญี่ปุ่นได้ประกาศใช้ร่างกฎหมายชั่วคราว ซึ่งอนุญาตให้กองทัพเรือแดนอาทิตย์อุทัยสามารถส่งเรือไปเติมเชื้อเพลิงให้กองกำลังนานาชาติที่เข้าร่วมปฏิบัติการทหารในอัฟกานิสถานได้ รวมทั้งสามารถส่งทหารเข้าไปประจำการทางตอนใต้ของอิรัก ซึ่งเป็นจุดที่ค่อนข้างมีความปลอดภัย เพื่อดำเนินภารกิจบูรณะซ่อมแซม ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบปรบมือ
ทั้งนี้ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ญี่ปุ่นค่อยๆ ขยับขยายกองกำลังป้องกันประเทศให้มีบทบาทในเวทีโลกมากขึ้น ก็เพราะถูกกดดันจากสหรัฐฯ ภายหลังที่โตเกียวถูกข้อจำกัดในรัฐธรรมนูญสันตินิยมขวางไม่ให้ส่งกำลังทหารเข้าร่วมภารกิจในเขตสงครามได้อย่างเต็มที่