เอเอฟพี – ทางการเนปาลจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวปีนป่ายขึ้นสู่ยอดเอเวอเรสต์ได้ตามปกติตั้งแต่สัปดาห์หน้า แม้เพิ่งเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงจนหิมะถล่มลงมาคร่าชีวิตคนที่เบสแคมป์ไป 18 รายเมื่อไม่กี่วันก่อนก็ตาม เจ้าหน้าที่รัฐบาลเนปาลแถลงวันนี้ (30 เม.ย.)
หิมะที่ถล่มลงมายังเบสแคมป์เมื่อวันเสาร์ (25) ยังทำให้บันไดที่ใช้สำหรับเดินข้ามธารน้ำแข็งคุมบู (Khumbu icefall) ซึ่งอยู่สูงขึ้นไปบนเขาได้รับความเสียหาย จนอาจเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับผู้ที่วางแผนจะพิชิตยอดเอเวอเรสต์ในฤดูกาลปีนเขาปีนี้
อย่างไรก็ดี ตุลสี โคตัม ผู้อำนวยการสำนักงานท่องเที่ยวเนปาล ขอให้บรรดานักปีนเขาอย่าเพิ่งถอดใจ เพราะเจ้าหน้าที่กำลังเร่งซ่อมแซมบันไดดังกล่าว
“บันไดสำหรับข้ามธารน้ำแข็งคุมบูจะซ่อมเสร็จในอีก 2-3 วันนี้ หลังจากนั้นการปีนขึ้นยอดเอเวอเรสต์ก็จะทำได้ตามปกติ ไม่มีเหตุผลที่ต้องละทิ้งแผนการเดินทาง” โคตัม ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ตามมาตราแมกนิจูด ทำให้หิมะบนภูเขาพังถล่มและเคลื่อนที่ลงมาสู่เบสแคมป์ด้วยความเร็วสูง คร่าชีวิตนักปีนเขาไป 18 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก
ทางการเนปาลระบุว่า ขณะเกิดเหตุมีนักปีนเขาอยู่ที่เบสแคมป์ตรงทางขึ้นยอดเอเวอเรสต์ประมาณ 800 คน
แผ่นดินไหวที่เนปาลครั้งนี้รุนแรงที่สุดในรอบ 80 ปี และสร้างความเสียหายอย่างหนักต่ออาคารบ้านเรือนและโบราณสถานเก่าแก่ในกรุงกาฐมาณฑุ ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตแล้วไม่ต่ำกว่า 5,500 คน
หน่วยกู้ภัยส่งเฮลิคอปเตอร์เข้าไปช่วยขนย้ายผู้บาดเจ็บออกมาจากเบสแคมป์ ส่วนนักปีนเขาที่ติดอยู่เหนือขึ้นไปใกล้ยอดเอเวอเรสต์ก็ได้รับความช่วยเหลือลงมาอย่างปลอดภัย
โคตัม ระบุว่า รัฐบาลได้จัดประชุมร่วมกับบรรดานักปีนเขาและไกด์นำทางท้องถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่ยืนยันว่า พร้อมที่เดินทางขึ้นไปพิชิตยอดเขาสูงที่สุดในโลกอีกครั้ง
“ไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่รับรองว่าจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงอีก... พวกเรารู้สึกว่าแผ่นดินมั่นคงพอที่จะปีนได้ แม้จะมีอาฟเตอร์ช็อกบ้างก็ตาม” โคตัม กล่าว
ภับพิบัติที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์(25) นับว่าเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นบริเวณยอดเอเวอเรสต์ โดยปีที่แล้วก็มีไกด์ชาวเนปาลเสียชีวิตไป 16 คนจากเหตุหิมะถล่ม ส่งผลให้ต้องมีการปิดเส้นทางขึ้นยอดเอเวอเรสต์ชั่วคราว