เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นกล่าวในเวทีประชุมซัมมิตที่กรุงจาการ์ตาวันนี้ (22 เม.ย.) ระบุ “เสียใจและสำนึกผิดอย่างสุดซึ้ง” ที่กองทัพแดนอาทิตย์อุทัยรุกรานเอเชียในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ไม่มีคำ “ขออภัย” อย่างผู้นำแดนปลาดิบคนก่อนๆ
เจ้าหน้าที่ฝ่ายจีนและญี่ปุ่นกำลังเจรจาปูทางเพื่อให้ อาเบะ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้มีโอกาสพบปะนอกรอบระหว่างประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-แอฟริกาที่กรุงจาการ์ตา ซึ่งจะถือเป็นก้าวสำคัญในความพยายามลดการเผชิญหน้าทั้งในเรื่องประวัติศาสตร์ยุคสงคราม และข้อพิพาททางทะเล
อาเบะ และ สี เคยพบกันแล้วในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 22 ซึ่งปักกิ่งเป็นเจ้าภาพ แต่ก็เพียงจับมือทักทายพอเป็นพิธี และไม่มีการตั้งโต๊ะหารือทวิภาคีอย่างเป็นทางการ
คำปราศรัยของอาเบะ ที่กรุงจาการ์ตาวันนี้ (22) ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดโดยผู้สังเกตการณ์ที่อยากทราบว่าอาเบะจะมีถ้อยแถลงอย่างไรในโอกาสครบรอบ 70 ปีการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และจะมีการเอ่ยถึง “การปกครองแบบจักรวรรดินิยมและความก้าวร้าว” ของญี่ปุ่นอย่างไม่อ้อมค้อม รวมถึง “ขออภัย” ดังเช่นที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในอดีตเคยทำในวาระครบรอบ 50 และ 60 ปีหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ผู้นำญี่ปุ่นได้กล่าวเป็นนัยๆ ระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อโทรทัศน์ในสัปดาห์นี้ว่าตนจะไม่นำคำขอโทษอย่างเป็นทางการของญี่ปุ่นมากล่าวซ้ำอีก
ในมุมมองของจีนและเกาหลีใต้ซึ่งตกเป็นเหยื่อความโหดร้ายของลัทธิจักวรรดินิยมญี่ปุ่น การเลือกใช้ภาษาของ อาเบะ ถือเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าโตเกียวสำนึกผิดบ้างหรือไม่ที่เป็นต้นเหตุให้ผู้คนในเอเชียล้มตายไปนับล้านๆ คนในช่วงทศวรรษ 1930-1940
อาเบะ อ้างถึงหลักสันติภาพจากการประชุมซัมมิตครั้งแรกที่เมืองบันดุงในปี 1955 และกล่าวกับบรรดาผู้นำที่เข้าร่วมประชุมวันนี้ (22) ว่า “ญี่ปุ่นซึ่งมีความสำนึกผิดและเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อสงครามที่ผ่านมา ขอให้สัญญาว่าจะดำรงความเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในหลักการสันติภาพอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะในสถานการณ์เช่นใด”
ถ้อยแถลงของอาเบะถูกมองว่าไม่ซาบซึ้งกินใจนักเมื่อเทียบกับคำพูดของอดีตนายกรัฐมนตรี จุนิชิโร โคอิซูมิ ซึ่งได้มาประชุมซัมมิตเอเชีย-แอฟริกาที่กรุงจาการ์ตาเมื่อปี 2005 พร้อมกับกล่าว “ขออภัยจากใจจริง” และยอมรับว่าญี่ปุ่นใช้ “ความความก้าวร้าวและยึดครองชาติอื่นเป็นอาณานิคม” คล้ายกับคำขออภัยที่อดีตนายกรัฐมนตรี โทมิจิ มุรายามะ ได้กล่าวไว้เมื่อปี 1995
อาเบะยังถือโอกาสวิจารณ์ปักกิ่งอ้อมๆ เรื่องข้อพิพาทหมู่เกาะเซ็งกากุหรือเตี้ยวอี๋ว์ โดยระบุว่า “เราไม่ควรปล่อยให้ผู้ที่มีอำนาจมากกว่าใช้กำลังข่มเหงผู้ที่อ่อนแอได้ตามอำเภอใจโดยไม่ถูกตรวจสอบ”
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ซึ่งมีคิวแถลงต่อที่ประชุมก่อน อาเบะ ไม่ได้เอ่ยถึงความขัดแย้งในภูมิภาค แต่เรียกร้องให้นานาชาติสร้างระบบการเงินที่มีความเป็นธรรม
คำแถลงของ สี สะท้อนถึงความพยายามที่จะโปรโมตธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) สถาบันการเงินแห่งใหม่ที่จีนก่อตั้ง และมีประเทศใหญ่ๆทั้งในเอเชียและยุโรปตบเท้าเข้าเป็นสมาชิกแล้วกว่า 20 ประเทศ แม้จะถูกสหรัฐฯ เตะสกัดเต็มที่ก็ตาม