รอยเตอร์ - พันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบียเมื่อวันอังคาร (21 เม.ย.) ประกาศยุติภารกิจทางทหารในเยเมน ราว 4 สัปดาห์หลังปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มกบฏ ระบุปลดเปลื้องภัยคุกคามต่อประเทศและชาติเพื่อนบ้านได้แล้ว แต่ยืนยันยังจะเล่นงานขบวนการเคลื่อนไหวฮูตี พันธมิตรของอิหร่านต่อไปหากจำเป็น ความเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกับคำกล่าวอ้างจากแกนนำกบฏฮูตีที่ว่าใกล้บรรลุข้อตกลงยุติความขัดแย้งแล้ว
“ปฏิบัติการพายุแห่งความแน่วแน่ (Operation Decisive Storm) ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ในนั้นรวมถึงปลดเปลื้องภัยคุกคามต่อซาอุดีอาระเบียและเหล่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในเรื่องอาวุธหนัก” ถ้อยแถลงผ่านทางเอสพีเอ สำนักข่าวแห่งรัฐซาอุดีอาระเบียระบุ
ถ้อยแถลงบอกต่อว่า “ด้วยปฏิบัติการพายุแห่งความแน่วแน่ยุติลง ปฏิบัติการใหม่แห่งการฟื้นฟูความหวังจึงเริ่มต้นขึ้นด้วยเป้าหมายตามมาต่างๆ นานา ทั้งเดินหน้าปกป้องพลเรือน ต่อสู้ก่อการร้ายและอำนวยความสะดวกในการอพยพพลเมืองต่างชาติ ปลดเปลื้องและให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่ประชาชนชาวเยเมน”
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวบ่งชี้ว่า ขั้นต่อไปของสงครามจะเป็นเรื่องทางการเมืองมากกว่าการทหาร โดยเฉพาะปฏิบัติการโจมตีทางอากาสที่ดำเนินต่อเนื่องมาเกือบ 1 เดือน ได้ทำลายและก่อความเสียหายแก่อาวุธหนักของพวกพันธมิตรกบฏฮูตีในกองทัพเยเมน อย่างไรก็ตามความเป็นปรปักษ์ยังไม่ถึงจุดลงเอย
นายพลจัตวา อาห์เมด อัสเซรี โฆษกของกองทัพซาอุดีอาระเบียบอกว่าพันธมิตรจะยังคงจับตาความความเคลื่อนไหวกลุ่มนักรบฮูตีต่อไป “พันธมิตรจะเดินหน้าขัดขวางนักรบฮูตีจากการเคลื่อนไหวหรือดำเนินการใดๆ ภายในเยเมน ปฏิบัติการแห่งการฟื้นฟูความหวังเริ่มต้นขึ้นแล้ว และมันเป็นตัวแทนของการผสมผสานกันระหว่างการเมือง การทูตและปฏิบัติการทางทหาร”
ปฏิบัติการพายุแห่งความแน่วแน่ เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม และจะดำเนินไปจนถึงเที่ยงคืนของวันอังคาร (21 เม.ย.)
ด้านอิหร่านแสดงความยินดีต่อถ้อยแถลงดังกล่าว โดยระบุว่ามันเป็นมาตรการที่มุ่งหน้าสู่การแก้ปัญหาทางการเมืองในเยเมน “การจัดทำข้อตกลงหยุดยิง การหยุดเข่นฆ่าปะชาชนผู้บริสุทธิ์และไม่สามารถปกป้องตนเองได้คือการก้าวไปข้างหน้า” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเตหะรานบอกกับสำนักข่าวไออาร์เอ็นเอ
ในเวลาไล่เลี่ยกันนั้นเอง นายอับเดล มาเลก อัล-อิจรี แกนนำระดับอาวุโสของนักรบฮูตี แสดงความประหลาดใจต่อถ้อยแถลงยุติปฏิบัติการทางอากาศของซาอุดีอาระเบีย แต่ยอมรับว่ามันสอดคล้องกับที่พวกเขาใกล้บรรลุข้อตกลงทางการเมืองเพื่อยุติความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานเกือบเดือนแล้ว “เราคาดหมายว่าจะมีข้อตกลงหยุดยิง หลังจากลงนามในบันทึกทางการเมือง ซึ่งข้อตกลงเกือบพร้อมแล้ว”
ถ้อยแถลงของซาอุดีอาระเบียมีขึ้นขณะที่เรือบรรทุกเครื่องบินและเรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธนำวิถีของสหรัฐฯ มุ่งหน้าเข้าสู่ทะเลอาหรับในวันอังคาร (21 เม.ย.) ซึ่งจะทำให้มีเรือรบอเมริกันในบริเวณดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 9 ลำ โดยวอชิงตันแถลงด้วยว่ากำลังเฝ้าติดตามกองเรืออิหร่านซึ่งต้องสงสัยว่ากำลังขนอาวุธไปส่งให้พวกกบฏฮูตีในเยเมน อันละเมิดมติของสหประชาชาติ
เยเมนเป็นชาติอาหรับที่มีฐานะยากจนที่สุด แต่ตั้งอยู่ใกล้เส้นทางขนส่งทางทะเลสำคัญและมีพรมแดนติดกับซาอุดีอาระเบีย ประเทศนี้เข้าสู่วิกฤตในปีที่ผ่านมาเมื่อกบฏฮูตีนิกายชีอะต์ที่มีอิหร่านหนุนหลัง บุกเข้ายึดกรุงซานา และเดือนที่แล้วกลุ่มพันธมิตรประเทศอาหรับที่นับถือนิกายสุหนี่นำโดยซาอุดีอาระเบีย เริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อกบฏกลุ่มนี้ ภายใต้เป้าหมายในการเรียกคืนอำนาจให้แก่ประธานาธิบดีอาเบดรับโบ มานซูร์ ฮาดี ที่ได้หลบหนีไปยังซาอุดีอาระเบีย หลังจากถูกกลุ่มกบฏรุกคืบเข้าประชิดเมืองเอเดนที่เป็นแหล่งหลบภัยของเขา
กลุ่มพันธมิตรเผยว่า ได้เปิดการโจมตีมากกว่า 2,000 ครั้งนับจากเริ่มต้นปฏิบัติการนี้ และสามารถควบคุมน่านฟ้าเหนือเยเมนอย่างสมบูรณ์ รวมทั้งทำลายโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มกบฏ ขณะที่องค์การอนามัยโลกแถลงจากนครเจนีวาในวันอังคาร (21) ว่า มีผู้ถูกสังหารในเยเมนไปกว่า 900 คนนับตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่กลุ่มพันธมิตรอาหรับเริ่มการโจมตีทางอากาศ
ในวันจันทร์ (20 เม.ย.) การโจมตีทางอากาศของกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย ต่อคลังขีปนาวุธในบริเวณกรุงซานา ของกองกำลังพิทักษ์สาธารณรัฐที่ภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ ซึ่งเป็นพันธมิตรของกบฎฮูตีนั้น ทำให้เกิดระเบิดอย่างร้ายแรง มีคนตายอย่างน้อย 38 คน ได้รับบาดเจ็บอีก 532 คน ขณะที่อาคารบ้านเรือนที่อยู่ใกล้ๆ พังราบ
โฆษกของพวกฮูตีประณามการโจมตีดังกล่าวว่าเป็นการก่ออาชญากรรมที่ป่าเถื่อน และยืนกรานว่าการรุกรานรังแต่จะทำให้ประชาชนชาวเยเมนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน