เอเจนซีส์ - เรือบรรทุกเครื่องบินและเรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธนำวิถีของสหรัฐฯ มุ่งหน้าเข้าสู่ทะเลอาหรับในวันอังคาร (21 เม.ย.) ซึ่งจะทำให้มีเรือรบอเมริกันในบริเวณดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 9 ลำ ขณะที่วอชิงตันแถลงด้วยว่ากำลังเฝ้าติดตามกองเรืออิหร่านซึ่งต้องสงสัยว่ากำลังขนอาวุธไปส่งให้พวกกบฏฮูตีในเยเมน ส่วนสถานการณ์ที่กรุงซานา เมืองหลวงของเยเมนนั้น มีรายงานว่าการโจมตีทางอากาศในคืนวันจันทร์ (20) ของกลุ่มพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดีอาระเบีย ต่อสถานที่ซึ่งถูกระบุว่าเป็นคลังแสงของฝ่ายกบฏและพันธมิตรนั้น ได้ทำให้ผู้คนเสียชีวิตไป 38 คน บาดเจ็บกว่า 500
กองทัพเรือสหรัฐฯ แถลงยืนยันรายงานข่าวก่อนหน้านี้ที่ว่า เรือบรรทุกเครื่องบิน “ธีโอดอร์ รูสเวลต์” พร้อมเรือลาดตระเวนติดตั้งขีปนาวุธนำวิถี “นอร์มังดี” กำลังเดินทางมุ่งไปรักษาความปลอดภัยเส้นทางขนส่งสินค้าในทะเลอาหรับ ทำให้ขณะนี้มีเรือของกองทัพเรืออเมริกันประจำอยู่ในบริเวณดังกล่าวซึ่งครอบคลุมถึงชายฝั่งของเยเมนด้วย รวมทั้งสิ้น 9 ลำ โดยเรือรบซึ่งถูกส่งเข้าไปก่อนแล้วเป็น เรือพิฆาต 2 ลำ เรือกวาดทุ่นระเบิด 2 ลำ และเรือสะเทินน้ำสะเทินบก 3 ลำที่บรรทุกนาวิกโยธินอเมริกัน 2,200 นาย
รายงานข่าวก่อนหน้าระบุระบุว่า เรือรบอเมริกันเหล่านี้ได้รับคำสั่งให้พร้อมขึ้นตรวจค้นเรือของอิหร่านด้วย ทั้งนี้เรือรบสหรัฐฯ ซึ่งแล่นอยู่ในบริเวณแถบนี้ได้เคยขึ้นตรวจค้นเรือพาณิชย์ต่างๆ มาแล้วในภารกิจปราบโจรสลัด โดยยึดหลักการต่างฝ่ายต่างเห็นชอบร่วมกัน ทว่ายังไม่เคยขึ้นตรวจเรือของอิหร่านเลย และไม่ทราบว่าหากฝ่ายอเมริกันจะขอขึ้นตรวจ เรืออิหร่านจะยินยอมหรือไม่ หากไม่ยินยอมฝ่ายอเมริกันจะดำเนินการเช่นไร
อย่างไรก็ดี พ.อ.สตีเวน วอร์เรน โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่า รายงานที่ว่าเรือรบของสหรัฐฯได้รับคำสั่งให้ขึ้นตรวจค้นเรืออิหร่านที่สงสัยว่าขนอาวุธไปให้กบฏฮูตีนั้นไม่เป็นความจริง
เยเมนเป็นชาติอาหรับที่มีฐานะยากจนที่สุด แต่ตั้งอยู่ใกล้เส้นทางขนส่งทางทะเลสำคัญและมีพรมแดนติดกับซาอุดีอาระเบีย ประเทศนี้เข้าสู่วิกฤตในปีที่ผ่านมาเมื่อกบฏฮูตีนิกายชีอะต์ที่มีอิหร่านหนุนหลัง บุกเข้ายึดกรุงซานา และเดือนที่แล้วกลุ่มพันธมิตรประเทศอาหรับที่นับถือนิกายสุหนี่นำโดยซาอุดีอาระเบีย เริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อกบฏกลุ่มนี้ ภายใต้เป้าหมายในการเรียกคืนอำนาจให้แก่ประธานาธิบดีอาเบดรับโบ มานซูร์ ฮาดี ที่ได้หลบหนีไปยังซาอุดีอาระเบีย หลังจากถูกกลุ่มกบฏรุกคืบเข้าประชิดเมืองเอเดน ที่เป็นแหล่งหลบภัยของเขา
วอชิงตันยืนยันว่า ไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรงในปฏิบัติการโจมตีกบฏฮูตี แต่ให้การสนับสนุนด้านข่าวกรองและการส่งกำลังบำรุง รวมถึงการจัดเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศให้เครื่องบินรบของเหล่าพันธมิตร ด้วยเหตุนี้เจ้าหน้าที่อเมริกันหลายคนจึงยืนยันว่า หากจำเป็น น่าจะเป็นซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ และพันธมิตรมากกว่าที่จะเข้าตรวจค้นเรืออิหร่าน
ขณะที่เจ้าหน้าที่อเมริกันคนหนึ่งเปิดเผยว่า ขณะนี้กองเรืออิหร่าน 8 ลำได้ผ่านช่องแคบฮอร์มุซและมุ่งหน้าทางตะวันตก ซึ่งเป็นไปได้ว่าจุดหมายปลายทางคือการนำอาวุธไปส่งให้กบฏฮูตีในเยเมน
ทางด้าน จอซ เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาว ไม่ได้แสดงความคิดเห็นโดยตรงเกี่ยวกับหมู่เรือรบของสหรัฐฯ ใกล้น่านน้ำเยเมน แต่กล่าวว่าอเมริกากังวลกับการที่อิหร่านยังคงให้การสนับสนุนกบฏฮูตี อันเป็นการละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น
ขณะเดียวกัน ความขัดแย้งในเยเมนยังไม่มีวี่แววบรรเทาลง โดยมีรายงานว่า การโจมตีทางอากาศของกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย ต่อคลังขีปนาวุธในบริเวณกรุงซานา ของกองกำลังพิทักษ์สาธารณรัฐที่ภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ ซึ่งเป็นพันธมิตรของกบฎฮูตีนั้น ทำให้เกิดระเบิดอย่างร้ายแรง มีคนตายอย่างน้อย 38 คน ได้รับบาดเจ็บอีก 532 คน ขณะที่อาคารบ้านเรือนที่อยู่ใกล้ๆ พังราบ
กลุ่มพันธมิตรเผยว่า ได้เปิดการโจมตีมากกว่า 2,000 ครั้งนับจากเริ่มต้นปฏิบัติการนี้ และสามารถควบคุมน่านฟ้าเหนือเยเมนอย่างสมบูรณ์ รวมทั้งทำลายโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มกบฏ ขณะที่องค์การอนามัยโลกแถลงจากนครเจนีวาในวันอังคาร (21) ว่า มีผู้ถูกสังหารในเยเมนไปกว่า 900 คนนับตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่กลุ่มพันธมิตรอาหรับเริ่มการโจมตีทางอากาศ
อย่างไรก็ดี โฆษกของซาอุดีอาระเบียไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อข่าวการโจมตีเมื่อวันจันทร์ในระหว่างการแถลงข่าวครั้งล่าสุดแต่อย่างใด