คณะลูกขุนตัดสินมือบึ้มบอสตันมาราธอนผิดทุกกระทง มีสิทธิ์โดนโทษประหาร!!

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - โซการ์ ซาร์เนฟ มือระเบิดบอสตันมาราธอน มีสิทธิ์โดนโทษประหารชีวิต หลังคณะลูกขุนใหญ่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ตัดสินเมื่อวันพุธ (8 เม.ย.) ว่าเขามีความผิดทุกกระทงในเหตุโจมตีเมื่อปี 2013 ซึ่งถือว่าเป็นครั้งเลวร้ายที่สุดในสหรัฐฯนับตั้งแต่โศกนาฏกรรม 9/11

คณะลูกขุน 12 คนใช้เวลา 1 วันครึ่งก่อนพบว่าอดีตนักศึกษาวัย 21 ปีรายนี้มีความผิดทุกกระทงใน 30 กระทงที่เกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2013 ไม่ว่าจะเป็นฆ่าตำรวจนายหนึ่ง ปล้นรถยนต์และกราดยิงระหว่างหลบหนี โดยจากนี้ไปคณะลูกขุนของศาลชั้นต้นสหรัฐฯ เดียวกันนี้จะกำหนดบทลงโทษเขาว่าจะประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีสิทธิ์รับทัณฑ์บนใดๆ

ระหว่างการอ่านคำพิพากษาที่ยืดยาว ซาร์เนฟ มีท่าทีสงบนิ่งแม้มีอาการกระวนกระวายอยู่บ้าง ขณะที่ห้องพิพากษาอัดแน่นไปด้วยเหล่าผู้รอดชีวิตจากเหตุโจมตี ในนั้นรวมถึงครอบครัวของหนูน้อยมาร์ติน ริชาร์ด วัย 8 ขวบ เหยื่อผู้เสียชีวิตที่อายุน้อนที่สุด และเหล่าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย อาทิ เอ็ด ดาวิส อดีตอธิบดีตำรวจบอสตัน

ทนายความของจำเลยเริ่มต้นการพิจารณาคดีด้วยการยอมรับว่านายซาร์เนฟลงมือโจมตีเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2013 ด้วยระเบิด แต่อ้างว่าทำตามคำสั่งของนายทาเมอร์ลัน พี่ชายวัย 26 ปี ที่เสียชีวิตหลังจากดวลปืนกับตำรวจในวอเตอร์ทาวน์ มลรัฐแมสซาซูเซตส์

แต่ทางอัยการนำเสนอหลักฐานที่ว่าจำเลยซึ่งมีเชื้อสายเชเชนและอพยพมาจากรัสเซียนานนับทศวรรษก่อนลงมือก่อเหตุ ทั้งอ่านและฟังข้อมูลจากพวกญิฮัดซึ่งเป็นหลักฐานว่าเขาเป็นพวกหัวรุนแรงที่ต้องการลงโทษอเมริกา และยังเขียนจดหมายบนเรือระหว่างหลบซ่อนก่อนถูกพบตัว บ่งชี้ว่าการวางระเบิดครั้งนี้เป็นการลงมือเพื่อแก้แค้นแก่ปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ในประเทศมุสลิมต่างๆ

การพิจารณาคดีซึ่งเริ่มต้นในช่วงต้นเดือนมีนาคม หรือ 2 เดือนหลังจากเลือกคณะลูกขุน ย้อนให้ระลึกถึงความทรงจำอันเลวร้ายที่สุดเท่าที่จำความได้ในบอสตัน ระเบิดหม้ออัดแรงดันสูงถูกจุดชนวนขึ้น 2 ลูกซ้อนกลางฝูงชนที่แออัดกันอยู่บริเวณเส้นชัยของการวิ่งมาราธอน กระพือความสัยสนอลหม่านและเร่งรีบเข้าช่วยเหลือประชาชนหลายร้อยคนที่ได้รับบาดเจ็บ ด้วยจำนวนมากขาขาด และมีผู้เสียชีวิต 3 คน

3 วันต่อมา สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) เผยแพร่ภาพ 2 พี่น้องซาร์เนฟ โดยบอกว่าทั้งคู่คือผู้ต้องสงสัยมือระเบิดและแสวงหาข้อมูลข่าวสารเพื่อระบุตัวตนพวกเขา จากนั้นพี่น้องซาร์เนฟก็ได้ยิงผู้เสียชีวิตรายที่ 4 โดยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่รักษาความปลอดภัยภายในสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ วัย 27 ปี ที่สองพี่น้องพยายามขโมยปืนแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ก่อนหันไปจี้รถยนต์คันหนึ่งแล้วหลบหนี จนกระทั่งตำรวจไปพบพวกเขาในย่านชานเมืองวอเตอร์ทาวน์

ทั้งคู่ขัดขืนยิงต่อสู้กับตำรวจ ขว้างระเบิดหม้ออัดแรงดันสูงแบบเดียวกับที่ใช้ถล่มบริเวณเส้นชัยมาราธอนและระเบิดท่อ ก่อนนายทาเมอร์ลันจะถูกวิสามัญฆาตกรรม ส่วน โซการ์ กระโดดขึ้นรถเมอร์เซเดส เอสยูวี ที่ปล้นมาขับหลบหนีไป ก่อนมาจนมุมถูกจับกุมเมื่อวันที่ 19 เมษายน โดยตำรวจพบเขาซุกซ่อนตัวอยู่ในเรือที่จอดอยู่หลังบ้านหลังหนึ่งในสภาพได้รับบาดเจ็บ พร้อมกับใช้เลือดเขียนข้อความด้วยลายมือหวัดๆ บอกถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุไว้ตรงผนังเรือ