รอยเตอร์ - คณะลูกขุนสหรัฐฯในวันศุกร์(15พ.ค.) ใช้เวลานานกว่า 15 ชั่วโมง ก่อนตัดสินระวางโทษประหารชีวิตนายโซการ์ ซาร์เนฟ ฐานช่วยเหลือก่อเหตุระเบิดโจมตีบริเวณเส้นชัยของบอสตันมาราธอนปี 2013 คร่าชีวิตประชาชน 3 ศพและบาดเจ็บ 264 ราย หลังมีความเห็นเป็นเอกฉันท์เมื่อต้นเดือนเมษายน ว่าเขามีความผิดทุกกระทง
ในคำตัดสินเมื่อวันศุกร์(15พ.ค.) คณะลูกขุนใหญ่เลือกที่จะประหารชีวิตนายซาร์เนฟวัย 21 ปี ด้วยวิธีฉีดยาพิษ เหนือทางเลือกอื่นอีกทางเดียวกัน คือจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีสิทธิ์ได้รับการลดโทษ
เมื่อเดือนที่แล้ว คณะลูกขุนชุดเดียวกันนี้ พบว่าชายชาวสหรัฐฯเชื้อสายเชเชนรายนี้มีความผิดฐานร่วมกับนายทาเมอร์ลัน พี่ชายวัย 26 ปี ที่ถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมระหว่างหลบหนี ลอบวางระเบิดหม้ออัดความดันบริเวณเส้นชัยของการแข่งขันบอสตัน มาราธอน ที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คนในวันที่ 15 เมษายน 2013 นับเป็นหนึ่งในเหตุโจมตีครั้งร้ายแรงที่สุดบนแผ่นดินสหรัฐฯ นับตั้งแต่โศกนาฏกรรม 9/11
ช่วง 10 สัปดาห์ของการพิจารณาคดี คณะลูกคุณได้รับฟังคำให้การของพยานราว 150 ปาก ในนั้นรวมถึง วิลเลียม ริชาร์ด ผู้ที่สูญเสียขาจากสิ่งของมีคมกับตะปูที่บรรจุอยู่ในระเบิดหม้ออัดความดัน และเป็นพ่อของนายมาร์ติน ริชาร์ด หนึ่งในเหยื่อของเหตุโจมตีด้วย
อัยการบรรยายนายซาร์เนฟ ว่าเป็นผู้สนับสนุนแนวคิดกลุ่มนักรบอิสลามิสต์อัลกออิดะห์ ที่ลงมือเพื่อแก้แค้นต่อปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ในประเทศมุสลิมต่างๆ
ทนายความของจำเลยเปิดการพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ด้วยการยอมรับว่านายซาร์เนฟลงมือโจมตีด้วยระเบิดจริง แต่อ้างว่าเขาทำตามคำสั่งของนายทาเมอร์ลัน พี่ชายวัย 26 ปี ที่เสียชีวิตหลังจากดวลปืนกับตำรวจในวอเตอร์ทาวน์ มลรัฐแมสซาซูเซตส์
การตัดสินของคณะลูกขุนไม่ได้หมายความว่าความตายใกล้มาเยือนอดีตนักมวยปล้ำของโรงเรียนรายนี้ เนื่องจากยังไม่มีการกำหนดวันเวลาที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสหรัฐฯจะลงโทษนายซาร์เนฟอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าคงต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน ขณะเดียวกันก็มีความเป็นไปได้ว่าทนายความจำเลยจะยื่นอุทธรณ์
โทษประหารยังเป็นที่ถกเถียงในมลรัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งไม่ได้ประหารชีวิตนักโทษมานานเกือบ 70 ปีแล้ว และยกเลิกโทษประหารมาตั้งแต่ปี 1984 แต่นายซาร์เนฟ ถูกดำเนินคดีภายใต้กฎหมายรัฐบาลกลางที่อนุญาตฉีดยาประหารชีวิตนักโทษได้
