เอเอฟพี - โซการ์ ซาร์เนฟ มือระเบิดบอสตันมาราธอน กล่าวขอขมาต่อเหยื่อของเขาเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) หลังศาลสหรัฐฯ มีคำพิพากษาอย่างเป็นทางการให้ประหารชีวิตในความผิดฐานก่อวินาศกรรม เมื่อปี 2013
ซาร์เนฟ วัย 21 ปี ซึ่งเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเชเชน ถูกศาลตัดสินประหารชีวิตฐานนำระเบิดหม้อความดัน 2 ลูกซุกซ่อนในเป้ และนำไปวางใกล้เส้นชัยของการแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ เมื่อวันที่ 15 เมษายน ปี 2013 ซึ่งนับเป็นเหตุวินาศกรรมครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ หลังจากเหตุการณ์ 9/11
“ผมอยากจะขอโทษเหยื่อทุกคนที่ตาย รวมถึงคนอื่นๆ ที่รอดชีวิต” ซาร์เนฟ กล่าวเปิดใจต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับเหตุระเบิดซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 3 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 260 คน
“ผมทำผิดจริง... ไม่ต้องสงสัยอะไรอีก” เขาพูดด้วยภาษาอังกฤษติดสำเนียงรัสเซียเล็กน้อย พร้อมวิงวอนขอให้ “อัลเลาะห์” ทรงอภัยในบาปกรรมที่ก่อ
“ผมขออภัยต่อทุกชีวิตที่ต้องตายเพราะผม ต่อผู้ที่ต้องทุกข์ทรมาน และความเสียหายทุกอย่างที่ผมทำ”
ผู้พิพากษา จอร์จ โอทูเล ประกาศคำพิพากษาประหารชีวิต ซาร์เนฟ อย่างเป็นทางการ ตามที่คณะลูกขุน 12 คนได้มีมติเป็นเอกฉันท์ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา
“ผมขอตัดสินให้คุณรับโทษตายโดยการประหารชีวิต” โอทูเล กล่าวต่อผู้ต้องหาหนุ่ม ก่อนที่เขาจะถูกนำตัวออกไปจากห้องพิจารณาคดี
ซาร์เนฟจะถูกประหารชีวิตที่เรือนจำรัฐบาลกลางในเมืองแตร์โอต (Terre Haute) รัฐอินเดียนา แต่ ก่อนหน้านั้นเขาจะถูกส่งไปยัง “เอดีเอ็กซ์ ฟลอเรนซ์” เรือนจำความมั่นคงสูงสุดเพียงแห่งเดียวของอเมริกาในรัฐโคโลราโด อัยการระบุ
จูดี คลาร์ก ทนายฝ่ายจำเลย ให้การต่อศาลว่า ซาร์เนฟ เคยเสนอที่จะยอมรับสารภาพตั้งแต่ปีที่แล้ว ทว่าลูกความของเธอเพิ่งเปิดใจแสดงความสำนึกผิดต่อสาธารณชน และขอโทษเหยื่อของเขาเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (24)
อัยการสหรัฐฯ วิจารณ์ ซาร์เนฟ ว่าไม่แสดงท่าทีรู้สึกรู้สาระหว่างการไต่สวน และยังยกพระนาม “อัลเลาะห์” มาอ้าง ที่สำคัญคือไม่พูดอะไรเลยที่เป็นการตำหนิหรือตัดขาดจากลัทธิก่อการร้าย
เมื่อวานนี้ (24) เหยื่อผู้รอดชีวิต 24 คนพร้อมครอบครัวได้เปิดใจบรรยายถึงความโศกเศร้าทรมาน ปัญหาด้านการเงิน และชีวิตของพวกเขาที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเพราะการกระทำของ ซาร์เนฟ
เหตุระเบิดดังกล่าวทำให้นักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอนบาดเจ็บรวมทั้งสิ้น 264 คน และมี 17 คนที่ต้องสูญเสียแขนขา
ผู้รอดชีวิตแต่ละคนปฏิกิริยาต่อคำขอโทษของ ซาร์เนฟ แตกต่างกันไป
ลีนน์ จูเลียน ยอมรับว่า คำสารภาพบาปของมือระเบิดสร้างความตกตะลึงต่อเธอไม่น้อย แต่เธอไม่เชื่อว่า ซาร์เนฟ จะสำนึกผิดจากใจจริง ส่วน เฮนรี บอร์การ์ด นักศึกษาซึ่งถูกสะเก็ดระเบิดขณะเดินกลับบ้าน เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ยอมให้อภัย และบอกว่ารู้สึก “ตื้นตัน” กับคำพูดของมือระเบิด
“ผมยกโทษให้เขาแล้ว ตอนนี้หัวใจผมสงบ และหวังว่าเขาเองก็คงจะทำได้เช่นกัน... ผมจะเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดมาจากใจจริง”
แพทริเซีย แคมป์เบลล์ ซึ่งสูญเสียบุตรสาว “คริสเติล” ได้ฝากคำพูดไปถึง ซาร์เนฟ ว่า “หนทางที่คุณเลือกมันเลวทรามต่ำช้า... สิ่งที่คุณทำกับลูกสาวฉันมันน่ารังเกียจที่สุด คณะลูกขุนตัดสินถูกแล้วที่ให้ประหารคุณเสีย”
โทษประหารที่ซาร์เนฟได้รับถือเป็นความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปสำหรับทีมกฎหมายของเขาซึ่งพยายามโต้แย้งว่าซาร์เนฟเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่หลงผิดเพราะถูกพี่ชาย “ทาเมอร์ลัน” ยุยง
ทาเมอร์ลันถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมขณะพยายามหลบหนี ส่วน ซาร์เนฟ ผู้เป็นน้องถูกพบว่าไปซ่อนตัวอยู่ในเรือลำหนึ่ง และได้เขียนข้อความประกาศว่าต้องการแก้แค้นที่สหรัฐฯ บุกอิรัก และอัฟกานิสถาน