เอเอฟพี - สื่อต่างประเทศตีแผ่นาทีวิกฤต ช่วงเวลาที่นักบินที่ 2 ของเที่ยวบินมรณะ จงใจนำเครื่องบินโดยสารของสายการบิน “เยอรมันวิงส์” พุ่งชนเทือกเขาแอลป์ในเขตประเทศฝรั่งเศส ด้วยความเร็ว 700 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คร่าชีวิตยกลำ 150 ชีวิตแบบฉากต่อฉาก ส่วนความคืบหน้าด้านอื่นๆ ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดี (26 มี.ค.) คณะสืบสวนเยอรมนีบุกค้นบ้านของนักบินที่ 2 รายนี้ หวังได้เบาะแสเพิ่มเติมเพื่อคลี่คลายปมปริศนาเกี่ยวกับแรงจูงใจในการก่อเหตุ
เที่ยวบิน 4U 9525 ที่เทกออฟจากบาร์เซโลนา ประเทศสเปน สู่เมืองดุสเซลดอร์ฟ เยอรมนี เมื่อวันอังคาร (24 มี.ค.) เริ่มต้นเหมือนเครื่องบินลำอื่นๆ ทั่วไป การสนทนาภายในห้องนักบินเป็นไปตามปกติ ด้วย แอนเดรียส ลูบิตซ์ นักบินผู้ช่วยวัย 28 ปีซึ่งเป็นคนเยอรมัน ไม่แสดงท่าทีว่าอีกไม่นานหลังจากนั้นเขาจะก่อโศกนาฏกรรมอันน่าสยดสยองกับคนอื่นๆ อีก 149 คนบนเครื่อง
บริซ โรแบง หัวหน้าอัยการสอบสวนคดีนี้ของฝรั่งเศสบอกกับผู้สื่อข่าวในวันพฤหัสบดี(26มี.ค.) ว่า “สำหรับช่วง 20 นาทีแรก พวกเขาพูดคุยกันแบบปกติ สุภาพนอบน้อมเหมือนกับนักบินทั่วๆไป ไม่มีอะไรผิดสังเกต” โรแบง ถ่ายทอดข้อมูลที่ได้จากบันทึกเสียงสนทนาในห้องนักบินที่ได้จากหนึ่งในกล่องดำของเครื่องบิน ที่เก็บกู้ได้พร้อมกับเศษซากของแอร์บัสเอ 320 ที่ตกลงสู่แถบเทือกเขาแอลป์เมื่อวันอังคาร (24 มี.ค.)
เมื่อเครื่องบินไต่ระดับสู่ในการบินปกติและถูกตั้งค่าออโตไพลอต (ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ) ลูบิตซ์และนักบินอีกคน ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยชื่อ ก็เริ่มปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับการลงจอดที่ดุสเซลดอร์ฟ โดยคำตอบของ ลูบิตซ์ ก็ยังเป็นปกติเหมือนเดิม แต่ก็สั้นมาก ไม่เหมือนเป็นการพูดคุยโต้ตอบกันทั่วไป “เราได้ยินเสียงนักบินขอให้นักบินผู้ช่วยควบคุมเครื่อง และเราได้ยินเสียงดึงเก้าอี้กลับและเสียงปิดประตู เราคิดว่าเขาคงทำตามคำร้องตามปกติ” โรแบงระบุ
แต่พออยู่เพียงลำพัง ลูบิตซ์ได้ปิดระบบตรวจตราเที่ยวบินและเครื่องบินก็เริ่มลดระดับลงอย่างรวดเร็ว “พฤติกรรมแบบนี้มีอยู่อย่างเดียวคือเกิดขึ้นโดยเจตนา” โรแบงกล่าว “มันไม่สามารถที่จะเป็นการหมุนปุ่มด้วยความผิดพลาดได้เลย ถ้าคุณหมดสติหรือเอียงตัวทับไปบนปุ่ม มันก็จะหมุนไปเพียงแค่เสี้ยวเดียว และก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นมา” เขากล่าวย้ำ
จากนั้นนักบินที่ 1 กลับมาจากห้องน้ำและพยายามเปิดประตูซึ่งถูกเสริมให้มีความแข็งแกร่งเพื่อป้องกันการจี้เครื่องบินและใส่รหัส
ทั้งนี้ ประตูห้องนักบินบนเครื่องบินของลุฟท์ฮันซ่า และเยอรมันวิงส์ ถูกออกแบบหลังเหตุวินาศกรรมตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ 9/11 ทำให้บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าไปได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ที่อยู่ข้างใน แต่ก็มีรหัสผ่านสำหรับเปิดประตูในกรณีฉุกเฉิน เช่น นักบินและผู้ช่วยหมดสติ แต่ผู้ที่อยู่ภายในห้องนักบินก็สามารถล็อกประตูไม่ให้เปิดด้วยรหัสได้
ต่อข้อสงสัยว่าเขาอาจไม่รู้รหัส คาร์สเทน สปอห์ร ประธานเจ้าหน้าที่ของสายการบินลุฟท์ฮันซ่า เคยบอกว่าไม่น่าจะเป็นแบบนั้น และมีความเป็นไปได้มากกว่าที่ ลูบิตซ์จะล็อกประตูจากด้านในเพื่อไม่ให้คนที่อยู่ด้านนอกเข้าไป “คำอธิบายที่พอจะมีเหตุผลมากที่สุดคือนักบินผู้ช่วยเจตนาไม่เปิดประตูให้นักบิน” โรแบงกล่าว
จากนั้นในบึนทึกเสียงของกล่องดำก็เผยให้ทราบว่านักบินซึ่งอยู่ในอาการลนลาน พยายามทุบประตูอย่างเกรี้ยวโกรธ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจาก ลูบิตซ์ ขณะที่ โรแบง เผยว่าในช่วงเวลาราว 8 นาทีหลังจากเครื่องบินเริ่มลดระดับลงอย่างฉับพลัน นักบินผู้ช่วยรายนี้อยู่ในอาการนิ่งเงียบและสงบ หายใจเป็นปกติ ไม่มีอาการตื่นตระหนกใดๆ “เขาไม่ได้พูดตอบอะไรแม้แต่อย่างเดียว เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ในห้องนักบินนั่น มีแต่ความเงียบอย่างที่สุดเท่านั้น”
การลดระดับของเครื่องบินเริ่มขึ้นเหนือเมืองตูลงส์ ทางใต้ของฝรั่งเศส กระพือความกังวลจากเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศที่พยายามติดต่อเครื่องบินลำนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองและไม่มีการส่งสัญญาณแจ้งเหตุร้ายมาจาก 4U 9525 โดยแม้ทางหอควบคุมการบินพยายามสอบถามเครื่องบินลำอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อขอให้ดำเนินการติดต่อแทน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน
เครื่องบินค่อยๆ ดิ่งลงอย่างช้าๆ จากระดับราว 10,000-20,000 เมตร สู่ 2,000 เมตร จนผู้โดยสารไม่ทราบว่ากำลังเกิดความผิดปกติ “ผมคิดว่าเหยื่อเพิ่งมาทราบชะตากรรมของตนเองก็เมื่อถึงวินาทีสุดท้ายแล้ว เพิ่งได้ยินเสียงกรีดร้องก็เมื่อถึงช่วงวินาทีสุดท้ายก่อนเครื่องบินกระแทกพื้น” โรแบงกล่าว
สัญญาณแรกที่แจ้งถึงปัญหาก็คือการดังขึ้นโดยอัตโนมัติของสัญญาณเตือนที่บ่งชี้เครื่องบินตกอยู่ในอันตรายใกล้ร่วงกระแทกพื้น แต่ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเครื่องบินก็ตกลงสู่แถบภูเขาด้วยความเร็ว 700 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครทราบแรงจูงใจทั้งหมดของ ลูบิตซ์ ขณะที่แม้แต่เจ้าหน้าที่สืบสวนเองก็ไม่สามารถตอบได้ว่า หากนักบินที่ 1 ไม่ไปเข้าห้องน้ำ โศกนาฏกรรมครั้งนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ “ตัวผมเองจะไม่ขอใช้คำว่าฆ่าตัวตาย และไม่สามารถคาดเดาแรงจูงใจของลูบิตซ์ได้ เพราะปกติแล้วเมื่อคุณฆ่าตัวตาย คุณย่อมทำมันคนเดียว เมื่อคุณเป็นผู้รับผิดชอบ 150 ชีวิต ผมก็ไม่ขอเรียกว่ามันเป็นการฆ่าตัวตายหรอก” โรแบงแจกแจง
ในส่วนของความคืบหน้าด้านการสืบสวน อัยการเยอรมนีเผยว่า ทีมสืบสวนได้ดำเนินการตรวจค้นบ้านพัก 2 หลังของนักบินผู้ช่วย เพื่อหลักเอกสารและหลักฐานต่างๆ หลังเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสกล่าวหาว่าเขาเจตนาบังคับเครื่องบินพุ่งชนเทือกเขาแอลป์ ขณะที่กระทรวงต่างประเทศเมืองเบียร์ ปรับเพิ่มตัวเลขชาวเยอรมนีที่เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้จากเดิม 72 คน เป็น 75 คน
“บ้านทั้ง 2 หลังของนักบินผู้ช่วยในดุสเซลดอร์ฟและในมอนทาเบาว์ถูกตรวจค้น” หัวหน้าสำนักงานอัยการเมืองดุสเซลดอร์ฟเผย ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองมอนทาเบาว์เผยว่านายลูบิตซ์ พักอาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่เมืองแห่งนี้ และมีห้องพักอยู่ในเมืองดุสเซลดอร์ฟ
สำนักงานอัยการเมืองดุสเซลดอร์ฟระบุในถ้อยแถลงว่า การตรวจค้นที่พักของนักบินรายดังกล่าวในเมืองแห่งนี้และสถานที่อื่นๆ มีเป้าหมายโดยเฉพาะคือการค้นหาเอกสารส่วนตัวต่างๆที่อาจช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้กระจ่างขึ้น โดยที่เมืองมอนทาเบาว์ ตำรวจได้ล้อมอาณาเขตรอบๆ บ้านครอบครัวลูบิตซ์ และพบเห็นเจ้าหน้าที่ซึ่งสวมถุงมือถือกระเป๋าเอกสาร ถุงและกล่องหลายใบ
อัยการดุสเซลดอร์ฟ เปิดการไต่สวนคู่ขนานกับการสืบสวนหลักที่กำลังดำเนินอยู่ในฝรั่งเศส เนื่องจากในบรรดาเหยื่อ 150 คน จำนวนมากเป็นชาวเยอรมนี