เอพี - ประธานาธิบดียูเครนเผยกองกำลังรัฐบาลและฝ่ายกบฏถอนอาวุธหนักเกือบทั้งหมดออกจากแถวหน้าของสมรภูมิรบทางภาคตพวันออกแล้ว แต่ในวันอังคาร(10มี.ค.) สองฝายยังกล่าวโทษกันไปมาต่อการถ่วงเวลาปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่นๆของข้อตกลงหยุดยิง
การให้มุมมองในแง่ดีอย่างระมัดระวังของประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก มีขึ้นหลังจากรัฐมนตรีต่างประเทศของเขา กล่าวหาฝ่ายกบฏขัดขวางคณะสังเกตการณ์ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการถอนอาวุธหนัก ส่วนโฆษกของพวกแบ่งแยกดินแดน ก็ตอบโต้ด้วยการกล่าวหากองกำลังยูเครนดำเนินการถอนอาวุธล่าช้ากว่ากำหนด
โปโรเชนโก ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐในช่วงค่ำวันจันทร์(9มี.ค.) ว่าอาวุธหนักบางส่วนยังประจำการอยู่ใกล้กับจุดล่อแหลมของการสู้รบ ณ ท่าอากาศยานเมืองโดเนตสก์ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของฝ่ายกบฏ
เงื่อนไขถอนอาวุธหนักซึ่งถูกเคาะในการเจรจาสันติภาพระดับสูงเมื่อเดือนที่แล้ว จะช่วยส่งเสริมความพยายามยุติความขัดแย้งโดยเด็ดขาด ที่ทางสหประชาชาติคาดหมายว่าได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 6,000 ศพและมีประชาชนอีกเกือบ 1.8 ล้านคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย
การถอนอาวุธหนักอยู่ภายใต้การตรวจตราของเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์หลายร้อยคนจากองค์การเพื่อความปลอดภัยและความร่วมมือแห่งยุโรป(OSCE) แต่องค์การแห่งนี้ส่งเสียงคร่ำครวญว่าไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากทั้งสองฝ่ายคู่สงคราม
อังดรีย์ ลีเซนโก โฆษกประจำปฏิบัติการทางทหารในภาคตะวันออกของกองทัพยูเครน เผยว่ากองกำลังรัฐบาลขอสงวนไว้ซึ่งทางเลือกในการนำอาวุธหนักกับคืนที่มั่นเดิมหากความเป็นปรปักษ์หวนคืนมา "เพื่อไม่ให้กำลังพลในแนวหน้าของเราตกอยู่ในความเสี่ยง ตำแหน่งที่ตั้งปืนใหญ่บางส่วนจึงต้องอยู่ไม่ไกล และในกรณีที่จำเป็น พวกมันจะถูกส่งกลับมา"
ลีเซนโก ยอมรับว่าในแนวหน้ายังจำเป็นต้องมีทหารราบอาวุธหนักเพื่อคอยปัดเป่าการรุกคืบใดๆของพวกกบฏ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เจาะจงถึงชนิดของอาวุธเหล่านั้น แต่ด้วยถ้อยคำที่ใช้คาดหมายว่าน่าจะเป็นอาวุธจำพวกปืนครก เครื่องยิงลูกระเบิดและปืนต่อสู้รถถัง
ภายใต้ข้อตกลงที่บรรลุกัน ณ กรุงมินสก์ เมืองหลวงของเบลารุส เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ อาวุธหนักจะต้องถูกถอนออกจากแนวหน้าในรัศมี 25 ถึง 70 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับขนาดลำกล้องของอาวุธนั้นๆ
อย่างไรก็ตามในวันอังคาร(10มี.ค.) เอดูอาร์ด บาซูริน ตัวแทนกองกำลังติดอาวุธของกบฏ กล่าวหาทหารยูเครนว่าดำเนินการอย่างล่าช้าในการถอนอาวุุธหนักบางส่วน แต่นายลาฟโล คลิมคิน รัฐมนตรีต่างประเทสเคียฟตอบโต้ด้วยการกล่าวหาพวกแบ่งดินแดนว่าแสร้งทำเป็นถอนอาวุธหนักออกมาเท่านั้น "พวกเขาขัดขวางอย่างไม่ลดลด ไม่ให้คณะสังเกตการณ์ของ OSCE เข้าถึงขั้นตอนการถอนอาวุธ"
รายงานของ OSCE เมื่อวันอาทิตย์(8มี.ค.) บ่งชี้ว่าทั้งสองฝ่ายต่างขัดขวางความพยายามของคณะสังเกตการณ์ โดยยกตัวอย่างต่างๆนานาเกี่ยวกับกรณีที่ทหารยูเครนและนักรบกบฏสั่งคณะทำงานของ OSCE หยุดติดตามขบวนรถที่บรรทุกอาวุธหนักกลับจากแนวหน้า
ในการให้สัมภาษณ์ โปเรเชนโก บอกว่าการดวลปืนใหญ่และจรวดตามแนวหน้าส่วนใหญ่ยุติลงแล้ว แต่ยังคงมีการปะทะกันด้วยอาวุธขนาดเล็กและเครื่องยิงระเบิดบ้างประปราย ขณะที่สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ของยูเครนรายงานโดยอ้างโฆษกของกองทัพยูเครน ระบุว่าหนึ่งวันก่อนหน้านี้พวกกบฏมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง 12 ครั้ง