ประธานาธิบดียูเครนเผยกองกำลังรัฐบาลและฝ่ายกบฏถอนอาวุธหนักเกือบทั้งหมดออกจากแถวหน้าของสมรภูมิรบทางภาคตพวันออกแล้ว แต่ในวันอังคาร(10มี.ค.) สองฝายยังกล่าวโทษกันไปมาต่อการถ่วงเวลาปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่นๆของข้อตกลงหยุดยิง
การให้มุมมองในแง่ดีอย่างระมัดระวังของประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก มีขึ้นหลังจากรัฐมนตรีต่างประเทศของเขา กล่าวหาฝ่ายกบฏขัดขวางคณะสังเกตการณ์ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการถอนอาวุธหนัก ส่วนโฆษกของพวกแบ่งแยกดินแดน ก็ตอบโต้ด้วยการกล่าวหากองกำลังยูเครนดำเนินการถอนอาวุธล่าช้ากว่ากำหนด
โปโรเชนโก ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐในช่วงค่ำวันจันทร์(9มี.ค.) ว่าอาวุธหนักบางส่วนยังประจำการอยู่ใกล้กับจุดล่อแหลมของการสู้รบ ณ ท่าอากาศยานเมืองโดเนตสก์ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของฝ่ายกบฏ
เงื่อนไขถอนอาวุธหนักซึ่งถูกเคาะในการเจรจาสันติภาพระดับสูงเมื่อเดือนที่แล้ว จะช่วยส่งเสริมความพยายามยุติความขัดแย้งโดยเด็ดขาด ที่ทางสหประชาชาติคาดหมายว่าได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 6,000 ศพและมีประชาชนอีกเกือบ 1.8 ล้านคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย
การถอนอาวุธหนักอยู่ภายใต้การตรวจตราของเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์หลายร้อยคนจากองค์การเพื่อความปลอดภัยและความร่วมมือแห่งยุโรป(OSCE) แต่องค์การแห่งนี้ส่งเสียงคร่ำครวญว่าไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากทั้งสองฝ่ายคู่สงคราม
ในการให้สัมภาษณ์ โปเรเชนโก บอกว่าการดวลปืนใหญ่และจรวดตามแนวหน้าส่วนใหญ่ยุติลงแล้ว แต่ยังคงมีการปะทะกันด้วยอาวุธขนาดเล็กและเครื่องยิงระเบิดบ้างประปราย ขณะที่สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ของยูเครนรายงานโดยอ้างโฆษกของกองทัพยูเครน ระบุว่าหนึ่งวันก่อนหน้านี้พวกกบฏมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง 12 ครั้ง
การให้มุมมองในแง่ดีอย่างระมัดระวังของประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก มีขึ้นหลังจากรัฐมนตรีต่างประเทศของเขา กล่าวหาฝ่ายกบฏขัดขวางคณะสังเกตการณ์ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการถอนอาวุธหนัก ส่วนโฆษกของพวกแบ่งแยกดินแดน ก็ตอบโต้ด้วยการกล่าวหากองกำลังยูเครนดำเนินการถอนอาวุธล่าช้ากว่ากำหนด
โปโรเชนโก ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐในช่วงค่ำวันจันทร์(9มี.ค.) ว่าอาวุธหนักบางส่วนยังประจำการอยู่ใกล้กับจุดล่อแหลมของการสู้รบ ณ ท่าอากาศยานเมืองโดเนตสก์ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของฝ่ายกบฏ
เงื่อนไขถอนอาวุธหนักซึ่งถูกเคาะในการเจรจาสันติภาพระดับสูงเมื่อเดือนที่แล้ว จะช่วยส่งเสริมความพยายามยุติความขัดแย้งโดยเด็ดขาด ที่ทางสหประชาชาติคาดหมายว่าได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 6,000 ศพและมีประชาชนอีกเกือบ 1.8 ล้านคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย
การถอนอาวุธหนักอยู่ภายใต้การตรวจตราของเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์หลายร้อยคนจากองค์การเพื่อความปลอดภัยและความร่วมมือแห่งยุโรป(OSCE) แต่องค์การแห่งนี้ส่งเสียงคร่ำครวญว่าไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากทั้งสองฝ่ายคู่สงคราม
ในการให้สัมภาษณ์ โปเรเชนโก บอกว่าการดวลปืนใหญ่และจรวดตามแนวหน้าส่วนใหญ่ยุติลงแล้ว แต่ยังคงมีการปะทะกันด้วยอาวุธขนาดเล็กและเครื่องยิงระเบิดบ้างประปราย ขณะที่สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ของยูเครนรายงานโดยอ้างโฆษกของกองทัพยูเครน ระบุว่าหนึ่งวันก่อนหน้านี้พวกกบฏมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง 12 ครั้ง