รอยเตอร์ - ในที่สุดข้อตกลงหยุดยิงทางภาคตะวันออกของยูเครนที่เฝ้ารอกันมานานก็ได้รับการยึดมั่นในวันพุธ (25 ก.พ.) ด้วยกองทัพเผยไม่ได้รับรายงานผู้เสียชีวิตจากการสู้รบเป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ แต่ข่าวนี้มิอาจยับยั้งการพังครืนของค่าเงิน จนธนาคารกลางของประเทศถึงขั้นต้องระงับการซื้อขาย
กองทัพยูเครนเผยว่าช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ถือเป็นวันแรกในรอบหลายสัปดาห์ที่ไม่มีผู้เสียชีวิตจากการสู้รบ โดยมีทหารได้รับบาดเจ็บแค่รายเดียว ขณะที่ข้อตกลงหยุดยิงเริ่มมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์
ในดินแดนทางภาคตะวันออกที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายกบฏ พวกแบ่งแยกดินแดนกำลังถอนอาวุธหนักออกจากแนวหน้า ทว่า เคียฟชี้ยังเร็วเกินไปที่จะดำเนินการแบบเดียวกัน แต่ก็ยอมรับว่าสถานการณ์ในแนวหน้าที่ส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบ บ่งชี้เช่นกันว่าอาจมีการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง หลังจากก่อนหน้านี้ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผล เนื่องจากพวกกบฏลงมือจู่โจมครั้งสำคัญเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ข่าวดีจากแนวหน้าที่ต้องระมัดระวังนี้เกิดขึ้นท่ามกลางผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจอันเลวร้ายที่ฉุดให้ยูเครนเดินโซเซสู่ขอบเหวแห่งการล้มละลาย ทั้งนี้ ด้วยนักลงทุนแห่ทิ้งค่าเงินฮริฟเนียจนสกุลเงินของเคียฟดำดิ่งอย่างหนัก กดดันให้ธนาคารกลางของประเทศต้องสั่งห้ามธนาคารพาณิชย์เข้าซื้อเงินตราต่างประเทศสำหรับลูกค้าไปตลอดทั้งสัปดาห์
ค่าเงินฮริฟเนียของยูเครนดิ่งลงอย่างหนักในปีนี้ หลังจากทรุดตัวตั้งแต่ปีที่แล้ว เนื่องจากรัฐบาลต้องใช้งบประมาณในการต่อสู้กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกของประเทศ และทำการปฏิรูปเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงหลังจากเผชิญปัญหาคอร์รัปชั่นมานานหลายปี
นายกรัฐมนตรีอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค บอกว่า คำสั่งห้ามดังกล่าวส่งผลกระทบในทางร้ายต่อเศรษฐกิจ โดยเขาทราบเรื่องดังกล่าวผ่านอินเตอร์เน็ตและจะขอคำอธิบายจากวาเลเรีย กอนตาเรวา ประธานธนาคารกลางต่อไป อย่างไรก็ตาม ทางธนาคารกลางยูเครนยืนยันว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินท่ามกลางกระแสความต้องการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ไม่ได้อยู่บนความเป็นจริง
ข่าวคราวเกี่ยวกับการไม่มีทหารยูเครนเสียชีวิตในแนวหน้า ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่าข้อตกลงหยุดยิงที่มียุโรปเป็นคนกลางกำลังจะได้รับการยึดมั่น หลังจากเบื้องต้นฝ่ายกบฏเพิกเฉยต่อข้อตกลงนี้ โดยยืนกรานว่ามันไม่มีผลบังคับใช้ต่อเป้าหมายหลัก นั่นก็คือเมืองเดบัลต์เซเว ที่พวกเขาบุกจู่โจมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในชัยชนะครั้งสำคัญของพวกแย่งแยกดินแดน
นับตั้งแต่นั้น เคียฟได้กล่าวหาพวกกบฏว่ากำลังระดมพลในความเป็นไปได้ว่าจะเดินหน้าจู่โจมรุกคืบเข้าสู่ดินแดนที่ทางเครมลินเรียกว่า “รัสเซียใหม่” แต่สำหรับตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกนักรบจะมีความตั้งใจปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงแล้ว
ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในดินแดนที่ยึดครองโดยฝ่ายกบฏ บอกว่าพบเห็นคาราวานปืนใหญ่ขับออกไปจากที่ตั้งต่างๆในแนวหน้าในวันพุธ (25 ก.พ.) หลังจากมีการเคลื่อนย้ายเบื้องต้นไปก่อนหน้านี้ในวันอังคาร
ขบวนปืนใหญ่ขนาด 122 มม. 14 กระบอก มุ่งหน้าออกจากแนวหน้าผ่านเมืองมาเคียฟกา ติดกับเมืองโดเนสตก์ ฐานที่มั่นหลักของฝ่ายกบฏ ส่วนขบวนปืนใหญ่อีก 5 กระบอกถูกพบเห็นกำลังเคล่อนตัวออกจากแนวหน้าใกล้เมืองเยนาคีฟเว ที่อยู่เหนือขึ้นไป
ฝ่ายกบฏให้สัญญาว่าจะเปิดทางให้ องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) ซึ่งรับหน้าที่ตรวจสอบการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิง เข้าตรวจสอบการเคลื่อนย้ายอาวุธหนักของพวกเขาเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ทาง OSCE บอกว่ายังไม่สามารถตรวจสอบการถอนอาวุธหนักได้ เพราะว่าทั้งสองฝ่ายไม่ได้ให้ข้อมูลว่าพวกเขามีปืนใหญ่มากน้อยแค่ไหนก่อนมีข้อตกลงหยุดยิง
OSCE เผยได้รับรายงานว่ามีเหตุยิงปืนใหญ่และยิงปะทะกันในหลายจุด ในนั้นรวมถึงใกล้ๆ เมืองชีโรคีเน กระนั้นทางกองทัพยูเครนยอมรับว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุละเมิดข้อตกลงหยุดยิงลดลงอย่างมาก 2 คืนติดแล้ว โดยไม่มีรายงานการปะทะทั้งในพื้นที่โดเนตสก์ ลูฮานสก์และมารีอูโพล ขณะที่ภาพรวมของช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ฝ่ายกบฏได้ยิงปืนใหญ่และปืนครก 15 ครั้งและยิงด้วยอาวุธขนาดเล็ก 4 ครั้ง
กระนั้น อันดรีย์ ลีเซนโก โฆษกของกองทัพบอกว่า “ณ ตอนนี้ยังไม่มีคำสั่งถอนอาวุธ เนื่องจากพวกนักรบยังไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขแรกของข้อตกลงหยุดยิงมินสก์”
ยูเครนอ้างวิตกว่าพวกกบฏที่ได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังรัสเซีย อาจกำลังวางแผนรุกคืบเข้ายึดมารีอูโพล เมืองท่าที่มีประชากร 500,000 คน แต่ด้วยที่พวกแบ่งแยกดินแดนบรรลุวัตถุประสงค์หลักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยการยึดเมืองเดบัลต์เซเว บางทีพวกเขาอาจพร้อมหยุดยิงจริงๆ