รอยเตอร์ – คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติประณาม “การก่อการร้ายอย่างป่าเถื่อน” โดยกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรัก เมื่อวานนี้ (27 ก.พ.) ซึ่งรวมถึงการบุกเข้าไปทุบทำลายโบราณวัตถุและมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าอายุนับพันๆ ปี ภายในพิพิธภัณฑ์เมืองโมซุล
คลิปวีดีโอที่กลุ่มไอเอสนำออกเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี(26) เผยให้เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์เข้าไปโค่นฐานเสาหินและใช้ค้อนขนาดใหญ่ทุบทำลายรูปปั้นสมัยจักรวรรดิอัสซีเรียภายในพิพิธภัณฑ์โมซุล ซึ่งบางชิ้นมีอายุเก่าแก่ถึง 700 ปีก่อนคริสตกาล โดยอ้างว่าของเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของการบูชาเทวรูปซึ่งขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม
“สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นขอประณามการก่อการร้ายอย่างป่าเถื่อนของกลุ่มไอเอสด้วยถ้อยคำรุนแรงที่สุด” คำแถลงระบุ พร้อมย้ำว่า นักรบอิสลามิสต์กลุ่มนี้ “จะต้องถูกพิชิตลงให้ได้ อีกทั้งความใจแคบ ความรุนแรง และความเกลียดชังที่พวกเขาบ่มเพาะก็จะต้องถูกทำลาย”
คณะมนตรีความมั่นคงฯ เอ่ยถึงพฤติกรรมอันโหดเหี้ยมของกลุ่มไอเอส เช่น การลักพาตัวสมาชิกชนเผ่ามุสลิมนิกายสุหนี่ราว 100 คนที่เมืองติกริต การเผาทั้งเป็นชาวอิรัก 45 คน การโจมตีพลเมืองในกรุงแบกแดดที่เกิดขึ้นแทบจะรายวัน รวมไปถึง “การจงใจทำลายโบราณวัตถุทางศาสนาและวัฒนธรรมอันประเมินค่ามิได้ ซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์เมืองโมซุล ตลอดจนการเผาหนังสือและเอกสารคัดลอกด้วยลายมือ (manuscripts) ภายในห้องสมุดเมืองโมซุล”
หลังจากบุกเข้ายึดพื้นที่กว้างขวางในอิรักและซีเรีย กลุ่มไอเอสก็ได้กระทำการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนหลายด้าน โดยเฉพาะการสังหารหมู่ ฆ่าตัดหัวเชลย เผาตัวประกันทั้งเป็น และพฤติกรรมอื่นๆ ที่โหดร้ายผิดมนุษย์
เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ คณะมนตรีความมั่นคงฯ ได้สั่งห้ามการซื้อ-ขายวัตถุโบราณที่กลุ่มติดอาวุธลักลอบขนออกมาจากพื้นที่ขัดแย้งในซีเรีย และยังขู่คว่ำบาตรผู้ที่รับซื้อน้ำมันจากกลุ่มไอเอส หรือ อัล-นุสรา ฟรอนท์ ซึ่งเป็นเครือข่ายอัลกออิดะห์ ทั้งยังขอให้รัฐบาลทั่วโลกปฏิเสธการจ่ายค่าไถ่เพื่อช่วยเหลือพลเมืองที่ตกเป็นตัวประกันด้วย
แม้ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่ากลุ่มไอเอสมีรายได้มากน้อยแค่ไหนจากการค้าของเถื่อน แต่นักการทูตยูเอ็นชี้ว่าวงเงินผิดกฎหมายเหล่านั้นน่าจะมากพอสมควร
อีรินา โบโกวา เลขาธิการองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยุเอสโก) ก็ได้ออกมาประณามการทำลายโบราณวัตถุที่พิพิธภัณฑ์โมซุลเช่นกัน