รอยเตอร์ – บิดาของผู้สื่อข่าวชาวอเมริกัน เจมส์ โฟลีย์ ซึ่งถูกกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) จับเป็นตัวประกันในซีเรียและฆ่าตัดคออย่างโหดเหี้ยมเมื่อปีที่แล้ว ระบุว่า การได้ทราบตัวตนของมือสังหารผู้ได้ฉายา “ญิฮาดี จอห์น” ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญกับตนเลยแม้แต่น้อย แต่จะดีใจมากกว่าหากไอเอสถูกปราบลงได้
ตัวตนของมือสังหารชุดดำที่ปรากฏในคลิปวีดีโอของไอเอสได้รับการเปิดเผยผ่านหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ฉบับวันพฤหัสบดี (26 ก.พ.) และสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ โดยระบุว่า เขาเป็นพลเมืองอังกฤษที่เกิดในคูเวต ชื่อ โมฮัมเหม็ด เอ็มวาซี วัย 26 ปี
สถานีโทรทัศน์ KSWT ได้เผยแพร่คลิปสัมภาษณ์ จอห์น โฟลีย์ ผู้ซึ่งบุตรชายถูกฆ่าด้วยน้ำมือของ เอ็มวาซี โดยเขากล่าวว่า “ญิฮาดี จอห์น เพียงแต่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่มือสังหาร แต่ถึงไม่ใช่เขาก็ต้องมีคนอื่นทำอยู่ดี ดังนั้น การทราบตัวตนของเขาอาจจะสำคัญสำหรับคนบางคน แต่ไม่ใช่สำหรับผม”
อย่างไรก็ดี โฟลีย์ ผู้พ่อยอมรับว่า เขาจะสบายใจกว่านี้ถ้ากลุ่มไอเอส “ถูกปราบลงได้”
โฟลีย์ และ ไดแอนน์ ผู้เป็นภรรยา ให้สัมภาษณ์นอกรอบระหว่างการจัดเสวนาที่เมืองทูซอน รัฐแอริโซนา โดยตำหนิสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ ทำระหว่างที่บุตรชายของพวกเขายังตกเป็นตัวประกันของไอเอส
“เราคิดว่ารัฐบาลน่าจะมีนโยบายที่ชัดเจนกว่านี้ และประกาศออกมาเลยว่า พวกเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง หรือจะทำอะไรบ้าง” ไดแอนน์ โฟลีย์ ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น KVOA
“เรารู้สึกว่าทุกอย่างมันมืดไปหมด”
เมื่อปีที่แล้ว มารดาและพี่ชายของ โฟลีย์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอบีซีว่า มีนายทหารจากสภาความมั่นคงแห่งชาติคนหนึ่งขู่ว่า พวกเขาทั้งครอบครัวอาจจะถูกตั้งข้อหาอาชญากรรม หากยอมจ่ายเงินค่าไถ่ให้พวกไอเอส
สหรัฐฯ ยึดถือนโยบายไม่จ่ายค่าไถ่ เพราะเท่ากับเป็นการสนับสนุนทางอ้อมให้พลเมืองถูกลักพาตัวมากขึ้นอีก
เมื่อวันพฤหัสบดี (26) แหล่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐฯ 2 คนยืนยันกับพนักงานสอบสวนว่า เอ็มวาซี น่าจะใช่นักรบถือมีดที่ปรากฏอยู่ในคลิปการฆ่าตัดคอตัวประกันจริงๆ
การเผยตัวตนของ ญิฮาดี จอห์น มีขึ้น หลังจากสหรัฐฯประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในภารกิจทางทหารเพื่อช่วยเหลือ โฟลีย์ และตัวประกันชาวอเมริกันคนอื่นๆ จากเงื้อมมือของกลุ่มไอเอสในซีเรียเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว
อลิสแตร์ บาสกีย์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า โอบามา ได้ออกคำสั่งให้มีการทบทวนนโยบายช่วยเหลือตัวประกันเสียใหม่
“เราได้ทราบความกังวลของสมาชิกในครอบครัวตัวประกันเรื่องการติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่รัฐ และข้อมูลที่พวกเขาได้รับ... เราเข้าใจว่ามันช่างยากลำบากและเจ็บปวดอย่างยิ่งสำหรับคนเป็นญาติ และซาบซึ้งในความคิดเห็นที่พวกเขาสะท้อนกลับมา”